วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ต้องถือว่า “แรง” เอาเรื่องพอสมควรกับการออกประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2559 ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา” เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือบ่อนทำลายระเบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
หรืออีกนัยหนึ่ง คือ เป็นคำสั่งเพื่อรองรับนโยบายปราบ “มาเฟีย” และ “ผู้มีอิทธิพล” โดยเจาะจงไปที่ 3 พฤติกรรมต้องห้าม คือ
1.กระทําความผิดโดยการข่มขืนใจให้กระทําการใด ไม่กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใดโดยทําให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น
2.แสดงตนให้บุคคลอื่นเกรงกลัว ไม่กล้าขัดขืนหรือร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ดําเนินการเพราะเกรงภัยจะเกิดแก่ตน
3.ดํารงชีพด้วยการกระทําผิดกฎหมายการกระทําตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการใช้ จ้างวาน หรือสนับสนุนการกระทําใดๆที่เป็นการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งด้วย
ขณะที่ข้อใหญ่ใจความของคำสั่งฉบับนี้คือ การติดดาบให้อำนาจ “ทหาร” ให้สามารถทำหน้าที่ในฐานะ “เจ้าพนักงาน” ในการปราบปรามมาเฟียและกลุ่มอิทธิพลต่างๆ โดยสามารถบุกเข้าตรวจค้นไม่ต้องมีหมายศาล สามารถควบคุมตัวบุคคลเป้าหมายพร้อมทั้งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบได้
มุมหนึ่ง ก็ต้องบอกว่า การออกคำสั่งครั้งนี้สะท้อนถึงความเอาจริงเอาจังของ พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องการปราบปรามกลุ่มมาเฟียและผู้มีอิทธิพลต่างๆ ซึ่ง “สุจริตชน” ทั่วไปไม่จำเป็นต้องรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจแต่ประการใด เพราะถ้าไม่ทำอะไรผิด ก็คงไม่มีใครมาจับหรือมาวุ่นวายอยู่แล้ว
ที่สำคัญ คำสั่งนี้ก็น่าจะส่งผลดีให้กับเราท่านทั่วไปเสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า เดี๋ยวนี้ทั้งยาเสพติด บ่อนพนัน นักเลง มาเฟียทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ มีอยู่แทบทุกที่ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านได้ไม่เว้นแต่ละวัน จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาดมาจัดการกับกลุ่มคนพวกนี้เสียบ้าง
แต่ในทางปฏิบัติจะเป็นเช่นนั้นได้จริงหรือไม่?
คนธรรดาสามัญจะไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องได้รับผลกระทบจริงหรือ?
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า คนดี คนเลว เดี๋ยวนี้มันมีอยู่ในทุกวงการทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักข่าวหรือที่ไหนก็แล้วแต่ ในขณะที่คำสั่งที่ออกมาไม่มีมาตรการการตรวจสอบหรือถ่วงดุลการทำหน้าที่ ของเจ้าพนักงาน ดังนั้นหากเกิดกรณีการนำอำนาจไปใช้กลั่นแกล้งข่มแหงคนสุจริต แล้วใครจะรับผิดชอบ
นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีการใช้ “ดุลยพินิจ” ของเจ้าหน้าที่ที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้
เพราะจากคำสั่งที่เรียกได้ว่า ให้อำนาจและครอบคลุมพฤติกรรมความผิดชนิด “ครอบจักรวาล” โดยเฉพาะพฤติกรรมตามข้อ 1 ที่นำมาซึ่งการถูกนำไปตีความ จนชาวบ้านหรือกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประเด็นปัญหาในพื้นที่ของพวกเขา อาจจะถูกตามเล่นงานเอาได้ง่ายๆ ฐานเข้าข่าย “ผู้มีอิทธิพล”
เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นนะครับ ไม่ใช่ไม่เคย
อย่างกรณีล่าสุด ที่กำลังเป็นที่โจษขานของกลุ่มนักเคลื่อนไหวในเวลานี้ คือ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่เจ้าหน้าที่ทหารบุกเข้าไปควบคุมตัว นายละม่อม บุญยงค์ ชาวประมง จ.ระยอง กับพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นแกนนำเคลื่อนไหวกรณีพิพาทระหว่างชาวบ้านกับเทศบาลระยองที่จะเข้ามาไล่รื้อบ้านและพื้นที่ทำประมงของพวกเขาซึ่งต่อมามีการเปิดเผยหนังสือบันทึกการเชิญตัวของกองพันทหารราบที่ 6 กรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน ระบุว่า เป็นการเชิญมาสอบถามข้อเท็จจริงตามแนวทางการปฏิบัติในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รับผิดชอบ
เห็นแล้วหรือเปล่าครับว่า มันมีช่องโหว่อยู่ตรงไหน และใช่การใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่หรือเปล่า?
ยิ่งเวลานี้ มีการเคลื่อนไหวคัดค้านและข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านกับโครงการของรัฐหรือเอกชนที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกิดขึ้นอยู่มากมายทั่วประเทศ เช่น กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหิน กรณีเหมืองทอง
จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่า คนเหล่านี้จะไม่ถูกเหมารวมเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะถ้าจะ “หาเหตุ” ให้กันจริงๆ ก็ตั้งแง่จับยัดว่าเข้าข่ายพฤติกรรมตามข้อ 1 ได้สบายๆ
ที่พูดไม่ได้ต้องการตั้งป้อมคัดค้านนะครับ แต่รัฐบาล และ คสช. จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมตรวจสอบการทำงานในเรื่องนี้ให้ชัดเจนครับ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง
รัฐบาลและคสช.ต้องระวังเอาไว้ให้ดีครับ
อย่าเปลี่ยนคนที่ชื่นชอบ ให้กลายเป็นคนที่ชิงชังโดยไม่จำเป็น
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี