19 เม.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายพื้นที่ของจังหวัดราชบุรี กำลังประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร เนื่องจาก แหล่งน้ำธรรมชาติ และอ่างเก็บน้ำหลายแห่งแห้งขอด เกษตรกรบางรายที่ได้เปลี่ยนการปลูกพืชผักและผลไม้ที่ใช้น้ำน้อย และทนกับสภาพอากาศแล้งทำรายได้ในช่วงนี้ แต่อีกมุมหนึ่งเกษตรกรบางรายประสบปัญหาพืชผมทางการเกษตรที่ปลูกไว้กระทบแล้งได้รับความเสียหายจำนวนมาก

โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลยางหัก อ.ปากท่อ เกษตรกรที่ยึดอาชีพปลูกกล้วยหอมทอง และกล้วยน้ำว้า ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก โดยเฉพาะสวนกล้วยหอมของนายเจริญ ฤทธิ์ล้ำ อายุ 60 ปี ซึ่งได้ปลูกกล้วยหอมทองไว้ประมาณ 3 ไร่เศษ เมื่อปีที่แล้วสามารถทำเงินตัดส่งขายได้ราคานับแสนบาท ทั้งช่วงปกติและช่วงเทศกาลที่จะมีราคาแพง แต่มาปีนี้เกิดปัญหาภัยแล้งไม่มีน้ำรดทำให้ต้นกล้วยคอพับช่วงคั่วเครือ และช่วงกลางลำต้น

นายเจริญ ฤทธิ์ล้ำ กล่าวว่า ปลูกกล้วยหอมทองไว้ประมาณ1,500 ต้น ในพื้นที่ 3 ไร่เศษ โดยใช้ระบบให้น้ำแบบสปริงเกอร์สูบมาจากลำห้วยขึ้นมาพักไว้ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้คิดเป็นเงินเกือบ 2 แสนบาทต่อปี หากเป็นนอกเทศกาลจะขายอยู่ราคาหวีละ 20 บาท หากช่วงเทศกาลขายหวีละ 30 - 40 บาท มาปีนี้มีแล้งหนัก ทำให้น้ำอ่างเก็บน้ำไทยประจันแห้งขอดไม่เพียงพอที่จะปล่อยออกมา และไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาเก็บกักไว้รดกล้วยได้ ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำรดกล้วยหอมทองที่ปลูกได้ เป็นเหตุให้กล้วยแล้งน้ำ แคระแกร็น บางต้นกำลังตกเครือใกล้จะเก็บเกี่ยวค่อยๆ แห้งเหี่ยว และทยอยคดหักล้มลงไปทีละต้นจนเกือบหมดสวนแล้ว ทำให้ปีนี้ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว

ด้านนางอ้อย เกตุแก้ว ที่ได้หันมาทดลองปลูกกล้วยน้ำว้า ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยทนแล้งได้ดี ประมาณ 30 ไร่เศษ เปิดเผยว่า ผลผลิตปีที่แล้วเก็บขายได้เงินประมาณ 3 แสนบาท ทุกอาทิตย์จะ มีแม่ค้ามารับซื้อขายหวีละ 13 บาท แต่มาปีนี้เกิดปัญหาแล้งจัด กล้วยคอหักตายแทบทั้งสวน เพราะขณะนี้ไม่มีน้ำให้สูบมารดต้นกล้วยที่ปลูกไว้ ส่งผลให้กล้วยน้ำว้า ทยอยหักล้มเกือบจะหมดสวนแล้ว ขณะที่กล้วยน้ำว้าบางต้นมีผลดกเริ่มแก่ใกล้จะเก็บเกี่ยวแต่คอหักตายหมด นำไปขายก็ไม่มีใครรับซื้อ เพราะลูกกล้วยยังไม่ได้ขนาด ทำให้สวนกล้วยประสบปัญหาขาดทุนนับแสนบาท ด้วยสาเหตุปีนี้แล้งหนักรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา แม้แต่กล้วยก็ยังทนกับสภาพความแห้งแล้งไม่ไหว ทำให้ต้องทยอยล้มหักคอตายไปทีละต้น

ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า ไม่เพียงแต่กล้วยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ผลไม้ยืนต้นอย่าง ลำไย ลิ้นจี่ ในพื้นที่ ต.ยางหัก อ.ปากท่อ ที่เคยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร เมื่อปีที่ผ่านปีละนับแสนบาท มาระยะนี้ก็เริ่มเหี่ยวเฉา ใบแห้ง และทยอยยืนต้นตายลงไปทีละต้นอย่างที่เห็น