วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การวิเคราะห์ความเหมาสมด้านกายภาพของพื้นที่ เพื่อวางแผนการใช้ที่ดินนั้น จะนำข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวนำมาวิเคราะห์พิจารณาร่วมกันโดยมีขั้นตอนการวิเคราะห์ในประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้ ขนาดแปลง สภาพพื้นที่ สภาพภูมิอากาศ ความเหมาะสมของพื้นที่ เป้าหมายการผลิต วิถีของเกษตรกร การบริหารจัดการ สอดคล้องกับเศรษฐกิจ สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
ทั้งนี้การวิเคราะห์กายภาพของดิน นอกจากความเหมาะสมของที่ดินแล้ว การวางแผนใช้ที่ดินรายแปลง หรือการบริหารจัดการแบ่งสัดส่วนแปลงก็มีความสำคัญ ควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญว่าสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างไร การใช้ที่ดินเหมาะสมกับภูมิอากาศหรือไม่ เช่น บางบริเวณเป็นที่ลุ่มเป็นส่วนใหญ่ ก็ควรพิจารณาปลูกข้าวเป็นหลัก ขณะที่บางบริเวณเป็นที่ดอนควรที่จะปลูกพืชไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น ในกรณีถ้าเป็นแปลงขนาดเล็ก เกษตรกรควรพิจารณาใช้แนวทางบริหารจัดการดินและน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้สามารถพึ่งพาตเองได้เป็นลำดับแรก
โดยทั่วไปเกษตรกรรายย่อย ส่วนใหญ่มีที่ดินทำกินค่อนข้างจำกัดหรือมีน้อยมาก อาจกล่าวได้ว่ามีที่ดินทำกินและเพื่ออยู่อาศัย เฉลี่ยเพียง 10-15 ไร่ เท่านั้น สำหรับเกษตรกรรายใหญ่ อาจวางแผนการเกษตรในเชิงพาณิชย์เพื่อการแข่งขันและส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงการเลือกพื้นที่ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมของดินต่อการปลูกพืชและกิจกรรมการเกษตรนั้นๆ เป็นหลัก ส่วนใหญ่เกษตรกรรายย่อยมีที่ดินค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีที่ดินทำกินน้อย ทำให้มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการโดยแบ่งที่ดินทำกินออกเป็นส่วนๆ คือ ประการแรกที่ดินทำกิน ควรแบ่งที่ดินสำหรับทำนาปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ไม้ผล พืชสวน พืชผัก ขึ้นอยู่กับว่าจะพิจารณากิจกรรมใดเป็นหลักประการที่สอง แหล่งน้ำ ซึ่งเป็นความสำคัญอันดับแรกของการทำการเกษตร ถ้ามีที่ดินอยู่ในเขตอาศัยน้ำฝน แหล่งน้ำ หรือสระน้ำควรที่จะสามารถเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด หรือหาน้ำมาเติมสระได้ เพื่อใช้ได้ตลอดปี แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ชลประทานก็มีศักยภาพสูงกว่าสามารถที่จะหาน้ำมาเติมได้ตลอดปี
ดังนั้นจึงควรมีแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูก กล่าวคือ ขุดสระเอง หรือสร้างแหล่งน้ำเอง หรือถ้ามีแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ใกล้แปลงที่ดิน หรือสามารถนำน้ำมาใช้เพาะปลูกพืชได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในด้านน้ำต้นทุนทางการเกษตร นอกจากเรื่องแหล่งน้ำแล้ว ลักษณะของดินก็มีความสำคัญในการพิจารณา ถ้าแปลงของเกษตรกรดินมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นดินร่วน และดินเหนียว และอยู่ในเขตชลประทาน จะเป็นเขตทำการเกษตรโดยอาศัยน้ำฝนอย่างเดียว จะเป็นเขตเกษตรที่มีศักยภาพปานกลางเพราะสามารถปลูกพืชได้เพียงฤดูเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเขตที่ดินมีปัญหาต่างๆ ก็จะต้องเป็นเขตเร่งรัด มีศักยภาพทางการเกษตรต่ำ ต้องมีการจัดการดินทีเหมาะสม และต้องลงทุนปรับปรุงดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี