5 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไฟไหม้พื้นที่ป่าพรุในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเกิดขึ้นทั้งในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก อ.สุไหงปาดี และ อ.บาเจาะ นั้น ยังคงมีไฟลุกไหม้ต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้พื้นที่ป่าพรุแล้งหนักขาดน้ำ เป็นเหตุให้เกิดเพลิงลุกไหม้จากใต้ผิวดินได้ง่ายทำให้พื้นที่ถูกเพลิงไหม้เข้าไปในพื้นที่ใกล้เคียงมากขึ้น
ส่วนในพื้นที่เขตป่าพรุโต๊ะแดงที่มีพื้นที่ติดหมู่บ้านซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ที่เกิดไฟลุกไหม้มาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุด ได้ขยายวงกว้างมากขึ้นทำให้ลุกลามไหม้เข้าเขตสวนยางพารา และสวนทางการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว สร้างความเสียหายไปแล้วอย่างน้อยรวม 15 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าสกัดไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามในพื้นที่ดังกล่าว แต่พบปัญหาการขนน้ำเข้าพื้นที่ด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเส้นทางเข้า-ออก อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำดิบ
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตลอดจนชาวบ้านช่วยกันควบคุมเพลิงไหม้ไม่ให้ลุกลามไปสวนยางของเกษตรกรของชาวบ้านรายอื่นต่อไป ซึ่งการทำงานเจ้าหน้าที่ทำด้วยความยากลำบากเนื่องจากแหล่งน้ำมีน้ำน้อย ประกอบกับเจ้าหน้าที่มีอยู่จำนวนจำกัด โดยถูกแบ่งเข้าควบคุมพื้นที่ไฟป่าในพื้นที่ของ อำเภออื่นๆด้วย
สำหรับความคืบหน้ากรณีไฟไหม้พื้นที่ทำกินของชาวบ้านและได้ลุกลามเข้าพื้นที่ป่าลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 ซึ่งอยู่ต่อแนวเขตของพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงบ้านปอเนาะ ม.7 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นเวลา 2 วันที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายกว่า 230 ไร่นั้น
ล่าสุด นายไพโรจน์ จริตงาม นายอำเภอสุไหงปาดี ในฐานะประธานอำนวยการดับไฟป่าในครั้งนี้ ได้ประชุมร่วมกับคณะทำงาน 7 หน่วยงานหลักที่เข้าสนับสนุนการดับไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า จ.สงขลา สถานีควบคุมไฟป่าพรุโต๊ะแดง ศูนย์ไฟป่านราธิวาส เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัย เพื่อสรุปสถานการณ์ไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้น โดยแยกพื้นที่ที่ถือว่ายังไม่สามารถควบคุมได้และต้องเฝ้าระวังการลุกลามเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 3 จุดใหญ่ คือ 1.บริเวณบ้านปอเนาะ ม.7 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี 2. บริเวณบ้านโคกนิบง อ.สุไหงปาดี และ 3.บริเวณบ้านคลองช้าง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
ซึ่งทั้ง 2 หมู่บ้านเป็นบ้านย่อยของบ้านปอเนาะ ที่ได้มีการจัดแบ่งหน้าที่รับผิดชอบการเข้าดับไฟป่าอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะพื้นที่ทางทิศใต้ของบ้านปอเนาะ ถือว่าเป็นจุดที่เสี่ยงที่สุด เนื่องจากไฟไหม้ป่าของลุกลามเกือบพ้นพื้นที่ป่าสงวนลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 ที่ไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ อาจจะลุกลามเข้าพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงได้อีก ในส่วนของจุดศูนย์กลางที่ไฟกำลังลุกไหม้นั้น เจ้าหน้าที่ต้องปล่อยให้ไฟไหม้ไปตามธรรมชาติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปดับไฟได้เนื่องจากไม่มีเส้นทางเข้า มีแต่โปรยน้ำทางอากาศเท่านั้น ซึ่งทาง อ.สุไหงปาดียังไม่มีเครื่องมือดังกล่าว
นอกจากนี้นายไพโรจน์ จริตงาม นายอำเภอสุไหงปาดี ในฐานะประธานอำนวยการดับไฟป่าในครั้งนี้ ได้เตรียมรถแบ๊กโฮ จำนวน 2 คัน เพื่อที่จะขุดแนวกันไฟแต่ต้องรอการควบคุมสถานการณ์อีก 1 ถึง 2 วัน เนื่องจากต้องมีการเตรียมการหาอุปกรณ์ซึ่งเป็นแผ่นเหล็ก ใช้ปูเป็นฐานให้รถแบ๊กโฮแล่นข้ามเข้าไปในป่าพรุ ที่มีความหนาแน่นไม่เพียงพอในการรองรับน้ำหนักของรถแบ๊กฮได้ ซึ่งเป็นการเสี่ยงมากหากจะกระทำในทันทีโดยที่อุปกรณ์ไม่ครบ ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสุไหงปาดีลงพื้นที่แจกหน้ากากกันฝุ่นละอองในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อป้องกันอันตรายให้กับชาวบ้านและเด็กๆในเบื้องต้นแล้ว ส่วนสาธารณสุข จังหวัดนราธิวาสได้ประเมินความรุนแรงของควันเพื่อเตรียมหน้ากากให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในวงกว้างอีกครั้งหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี