พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้กำชับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมการเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ในช่วงฤดูฝนนี้ ทั้งด้านปัจจัยผลิตการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานเมล็ดพันธุ์การส่งเสริมองค์ความรู้เกษตรกรในการใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม รวมถึงแผนการบริหารจัดการน้ำ ส่วนสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ถือว่าสิ้นสุดฤดูการส่งน้ำช่วงฤดูแล้งแล้ว โดยสถานการณ์น้ำ 4 เขื่อนหลัก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม มีปริมาณน้ำคงเหลือน้ำใช้การได้ 1,785 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยจะยังคงระบายน้ำรวมกันไม่เกินวันละ 18 ล้าน ลบ.ม.เพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และสวนผลไม้ ให้เพียงพอไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม

ส่วนสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาในช่วงปลายเดือนเมษายนต่อเนื่องถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากพายุฤดูร้อน นั้น พบว่ามีเขื่อนหลายแห่ง มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นรวมประมาณ 94 ล้าน ลบ.ม. เป็นฝนธรรมชาติประมาณ 62 ล้านลบ.ม. และปฏิบัติการฝนหลวงประมาณ 32 ล้านลบ.ม. แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนยังอยู่ในเกณฑ์น้อย จึงต้องเน้นเฉพาะการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเท่านั้น

ด้าน นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมถึง ผลการรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนนาปรังในรอบปี 2558/59 ซึ่งแบ่งการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเป็น 5 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ พืชไร่ พืชผัก ไม้ผล ไม้ดอกฯ และเห็ด พื้นที่ 2.854 ล้านไร่ เกษตรกร 540,767 ราย มูลค่ารวมประมาณ 21,996 ล้านบาท ขณะที่การปลูกนาปรังจะมีมูลค่า 13,819 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 8,177 ล้านบาท

ขณะที่การประมาณการผลผลิตและมูลค่า ที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินการจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐในมาตรการที่ 1 และมาตรการที่ 4 พบว่า จากงบประมาณรวม 659 ล้านบาท เกษตรกร 197,759 ราย พื้นที่ 0.361 ล้านไร่ เกิดมูลค่า
ผลผลิตรวม 2,132 ล้านบาท แบ่งเป็น มาตรการที่ 1 งบประมาณดำเนินการ 356 ล้านบาท พื้นที่การเกษตรจำนวน 0.298 ล้านไร่
เกษตรกร 15,552 ราย มูลค่าผลผลิต 1,689 ล้านบาท มาตรการที่ 4 งบประมาณ 302 ล้านบาท พื้นที่การเกษตรจำนวน 0.063 ล้านไร่มูลค่าผลผลิต 443 ล้านบาท