วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ใครขวางตาย!
แฉนายทุนขู่เมียนักอนุรักษ์
ตร.ชุมพรชี้ปมขัดแย้งจนท.
ความคืบหน้าคดีนายพะเยาว์ ปานโรจน์ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 110 หมู่ที่ 5 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร นักอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ถูกคนร้ายยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองพรุนไปทั้งร่างนอนเสียชีวิตอยู่ภายในสวนทุเรียนใจกลางป่าดงดิบตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 9 พฤษภาคม พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ตร.ภ.จ.ชุมพร ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุการสังหารโหดในครั้งนี้ ตำรวจตั้งประเด็นไว้ที่ความขัดแย้งระหว่างผู้ตายกับ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหน่วยหนึ่งในพื้นที่ที่ยังมีเรื่องเป็นคดีความ และ การร้องเรียน กันอยู่ในขณะนี้ แต่ในประเด็นเรื่องส่วนตัวตำรวจก็ไม่ได้ตัดทิ้ง ยังคงติดตามคลี่คลายเพื่อสรุปสาเหตุการสังหารให้ชัดเจน
พล.ต.ต.นรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ และพยานแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การจับกุมมือปืน แต่ต้องขอเวลาให้ ตำรวจได้ ทำงานสักระยะ คาดว่า จากพยาน และ หลักฐานที่ได้น่าจะนำไปสู่การออกหมายจับ แต่ ในบางประเด็น คงไม่สามารถเปิดเผยได้ตอนนี้ ยืนยันว่า ตำรวจจะติดตามคดีนี้จนถึงที่สุด
ทางด้านน.ส.ภัทรมน กรรมริน อายุ 33 ปี ภรรยาของนายพะเยาว์ กล่าวว่า ขณะนี้ครอบครัวตนที่มีลูกทั้งหมด 4 คนอาศัยในบ้านห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 1 กิโลเมตรต่างพากันเสียขวัญหวาดกลัว รวม ถึงชาวบ้านที่ อยู่ในกลุ่มอนุรักษ์ป่าต้นน้ำผืนนี้ ก็เสียขวัญเนื่องจาก กลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าต่างพากันแสดงอาการลิงโลดใจที่นายพะเยาว์ถูกยิงถึงกับประกาศว่าใครขวางการบุกรุกป่าผืนนี้จะมีจุดจบเหมือนกับนายพะเยาว์เนื่องจากสามารถลงขันกันจ้างคนในเครื่องแบบลงมือยิงนายพะเยาว์
“มั่นใจว่าตำรวจจะไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน อีกทั้ง ตำรวจในพื้นที่ก็ ไม่ชอบหน้านายพะเยาว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากนายพะเยาว์มักจะไปแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปองร้ายเอาชีวิตนายพะเยาว์ และพฤติกรรม ของกลุ่มนายทุนผู้บงการลงขันจ้างคนในเครื่องแบบป่าไม้มายิงนายพะเยาว์อยู่เป็นประจำจนทำให้ ตำรวจออกอาการไม่ชอบหน้าพะเยาว์ด้วย ทำให้คนในครอบครัวเสียขวัญอย่างหนัก สงสัยพะเยาว์จะต้องตายเปล่าหรือไง” น.ส.ภัทรมน กล่าวทั้งน้ำตา
น.ส.ภัทรมน ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้นายพะเยาว์เคยนำสื่อมวลชน เข้าไปดูการบุกรุกผืนป่าต้นน้ำ เมื่อเดือนมีนาคม 2559 แต่ต่อมานายพะเยาว์กลับถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าในสวนทุเรียนของตัวเอง ทั้งที่ พื้นที่แปลงดังกล่าว จำนวน 34 ไร่ นายพะเยาว์ ได้รับมรดกมาจากรุ่นพ่อยาวนานมากว่า 30 ปีจากสวนยางพารามาเป็นสวนทุเรียน
“การแจ้งความจับกุมนายพะเยาว์ก็มาจากจนท.หน่วยป่าไม้หน่วยนี้ทั้งที่มีประกาศของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ห้ามไม่ให้จับกุมผู้ที่ทำกินในพื้นที่ป่าที่ทำมานานกว่าสิบปี และ ยังมีหนังสือรับรองทำกินจาก จนท.ป่าไม้ แต่ จนท.หน่วยนี้ยังพยายามยัดเยียดข้อหาให้กับนายพะเยาว์ อีก อีกทั้งที่กลุ่มนายทุนสามารถเข้าไปบุกรุกป่าต้นน้ำได้ก็เพราะจนท.กลุ่มนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับนายพะเยาว์รวมถึงให้หน่วยงานป่าไม้ดูแลป่าต้นน้ำผืนนี้อย่างจริงจังเพื่ออนุรักษ์ให้มีน้ำกินน้ำใช้ของชาวบ้านต่อไป”น.ส.ภัทรมน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี