วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
งานสหกรณ์นักเรียนเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2534 ซึ่งเป็นพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีรับสั่งกับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้มีการจัดการเรียนรู้วิชาการสหกรณ์ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนองแนวพระราชดำริ โดยการจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้คำแนะนำแก่ครูผู้สอนวิชาสหกรณ์ แนะนำถึงแนวทางการจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นในโรงเรียน เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านต่างๆ เช่น การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย การรับฝากเงินจากนักเรียน การเชื่อมโยงกับโครงการเพื่ออาหารกลางวัน โดยรับซื้อผลผลิตการเกษตรที่นักเรียนผลิตขึ้นนำมาแปรรูปผลิตเป็นอาหารกลางวันเพื่อเป็นการส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้แก่เยาวชน การเรียนการสอนวิชาสหกรณ์จึงได้แพร่ขยาย ไม่เฉพาะแค่ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเท่านั้น ปัจจุบันโรงเรียนในสังกัดสำนักงานขั้นพื้นฐาน หรือ (สพฐ.) โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงเรียนพระปริยัติธรรมและโรงเรียนสอนศาสนา ก็มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาสหกรณ์ในโรงเรียนทุกจังหวัดทั่วประเทศ
.jpeg)
ธีรภัทร ประยูรสิทธิ
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความรู้ในเรื่องของสหกรณ์กับนักเรียน ได้มีการเริ่มต้นที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งอยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร และจากนั้นก็ได้มีการพัฒนามากขึ้นจนกลายเป็นหลักสูตรแกนกลางสอนนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ตั้งแต่ระดับชั้น ป.1- ป.6 นอกจากนั้นยังได้มีการขยายผลเป็นการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมถึง 30,000 กว่าโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เด็กนักเรียนมีความรู้ในเรื่องของการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ร่วมทั้งมีการสอนให้เห็นถึงความสำคัญในการเก็บออม ซึ่งเป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ปัจจุบัน กรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินการจัดการเรียนการสหกรณ์ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั้งหมด 198 แห่ง ผ่านกิจกรรม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.จัดการเรียนการสอนวิชาสหกรณ์ในภาคทฤษฎี / 2.การปลูกฝังค่านิยมที่ดี ทั้งการช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความซื่อสัตย์ มีวินัย และความเป็นประชาธิปไตยผ่านกิจกรรมสหกรณ์ / 3.การเรียนรู้การทำธุรกิจ ทำฟาร์ม การทำบัญชี / และ 4.การบูรณาการกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนกับโครงการต่างๆ ของโรงเรียน เช่น การผลิตโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน การส่งเสริมอาชีพเยาวชนตามท้องถิ่น การออมทรัพย์ กิจกรรมสวัสดิการและการศึกษา เป็นต้น นอกจากนี้
การดำเนินการเรียนการสอนวิชาสหกรณ์ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบางแห่ง จะควบคู่ไปกับแนวทางการสอนของโรงเรียนวังไกลกังวล เนื่องจากโรงเรียนวังไกลกังวล มีการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่เรียนทางไกลผ่านดาวเทียมกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ มีเด็กนักเรียนกว่า 3 ล้านคน ที่เข้าถึงวิชาสหกรณ์ผ่านการสอนโดยวิธีนี้
.jpeg)
นายธีรภัทร กล่าวอีกว่า ปี 2559 นี้ เป็นปีที่การสหกรณ์ไทยครบ 100 ปี ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดทำการพัฒนาเรื่องระบบสหกรณ์ไทยให้มีความก้าวหน้า โดยเฉพาะใน 7 กลุ่มหลัก จะต้องมีความก้าวหน้าไปให้ไกลและก็มีความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะกับสมาชิกและคนอื่นๆ ด้วย สำหรับงานสหกรณ์นักเรียนเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งชี้ว่าจะนำไปสู่การจัดเป็นระบบสหกรณ์ 7 กลุ่มใหญ่ในระยะยาวของผู้ใหญ่ในอนาคต ส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และกิจกรรมนี้ก็คงจะต้องมีการขยายผลไปยังท้องถิ่นทุรกันดารร่วมทั้งในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศด้วย
.jpeg)
วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข
ด้าน นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอด 25 ปี ของการส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนด้านสหกรณ์ในโรงเรียนความสำเร็จสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ เด็กยังสามารถเอาความรู้ในเรื่องของสหกรณ์ไปปรับใช้และที่สำคัญคือเขารู้จักพึ่งตนเอง อีกทั้งการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างอาชีพให้กับนักเรียน การประชุม การสร้างระบบบัญชี การสอนให้เด็กรู้จักการออม รู้จักการสร้างอาชีพเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพาะปลูกผักแล้วมาขายในโรงเรียน การสร้างอาชีพหัตถกรรม เมื่อเติบโตไป เด็กเหล่านี้จะเป็นสมาชิกที่ดี และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาขบวนการสหกรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี