วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
16 มิ.ย. 59 นายธีนภีทร์ ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วางแผนเพิ่มสัดส่วนการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะ ยางพารา เป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งวันที่ 6 – 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้เข้าร่วมประชุมเจรจาการค้าการลงทุน ณ ประเทศอินเดีย โดยมีผู้แทนสภาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางอินเดีย(All India Rubber Industries Association:AIRIA) ผู้แทนสมาคมผู้ผลิตยางล้อประเทศอินเดีย(Automotive Tyre Manufacturers Association:ATMA) ผู้แทนบริษัทผลิตล้อรถยนต์ และผู้แทนบริษัทผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 21 คน
ทั้งนี้ ในวันที่ 16 – 18 มิถุนายนนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศอินเดียพร้อมกับพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมเจรจากับนายกรัฐมนตรีอินเดีย ภายใต้กรอบการค้าแบบทวิภาคี เพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตร ในส่วนของยางพาราจะขอปรับลดอัตราภาษีนำเข้าในรูปแบบวัตถุดิบจากเดิม 25% เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการอินเดียหันกลับมาซื้อยางพาราจากไทยมากขึ้น
ขณะที่นาย.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ความต้องการใช้ยางภายในประเทศอินเดียต่อปีมีมากถึง 1,000,000 ตัน ซึ่งกว่า 90% จะถูกนำไปใช้แปรรูปเป็นยางล้อในรูปแบบต่างๆ แต่ประเทศอินเดียผลิตยางได้น้อยกว่าความต้องการใช้งาน ประมาณปีละ 416,000 ตัน ส่วนที่เหลือจึงต้องนำเข้ายาง จากประเทศอินโดนีเซีย 46% จากประเทศไทย 26% และจากประเทศเวียดนาม 20% โดยเป็นการนำเข้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 และยางแท่ง STR 20
ทั้งนี้ ในปี 2015 ปริมาณการส่องออกยางจากประเทศไทยไปประเทศอินเดีย รวมทั้งสิ้น 98,859 ตัน แบ่งเป็น ยางแผ่นรมควันชั้น 3 จำนวน 35,120 ตัน และยางแท่ง STR 20 จำนวน 63,739 ตัน ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับเวียดนามถึง 10% เนื่องจากปัจจัยในเรื่องของราคา และภาษีนำเข้าวัตถุดิบยางพาราในประเทศอินเดียที่สูงถึง 25% ส่วนในปี 2016 – 2017 กยท. ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการส่งออกยางไปประเทศอินเดียให้เพิ่มขึ้น 100,000 ตัน โดย 70% เป็นยางแผ่นรมควันชั้น 3 และ 30% เป็นยางแท่ง STR 20
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสนอ 3 แนวทาง เพื่อเพิ่มการใช้ยาง ได้แก่ 1.ให้ประเทศอินเดียซื้อยางโดยตรงผ่าน กยท. แก่ผู้ประกอบการในอินเดียที่อยู่ในรูปแบบสมาคมธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางการค้า เพราะ กยท. เป็นรัฐวิสาหกิจของไทย ไม่มุ่งหวังกำไรสูงสุดเหมือนเอกชน 2.เชิญชวนผู้ประกอบการในประเทศอินเดียมาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมยางในประเทศไทย ตามโครงการRubber City 3. กยท. เป็นผู้จัดหายางเพื่อเป็นวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานในประเทศอินเดีย เพื่อทำการแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตราสัญลักษณ์ร่วม(Co – Branding) ส่วนหนึ่งใช้ขายทั่วไป และอีกส่วนหนึ่งส่งกลับมาใช้ในกิจการของรัฐในประเทศไทยด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี