คำถาม ภาวะโลกร้อนอย่างนี้ จะมีแนวทางในการแก้ปัญหาผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อภาคเกษตรกรรม อย่างไรบ้างครับ
กิตติพัฒน์ อำนวยโชค
อ.นายายอาม จ.จันทบุรี
คำตอบ แนวทางการแก้ปัญหาและแนวทางการปรับตัว ได้แก่ พืช ประมง ปศุสัตว์ ทรัพยากรน้ำการชลประทาน และป่าไม้ เพื่อรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อภาคการเกษตร นักวิชาการทางด้านการเกษตร ได้ให้คำแนะนำเบื้องต้น พอสรุปได้ดังนี้
ด้านพืช มีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ปริมาณฝนตกมากขึ้น ในขณะที่จำนวนวันที่ฝนตกน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม และการใช้ประโยชน์จากน้ำฝนลดลง เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดินเพิ่มขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้น มีผลต่อการสุกแก่ของผลไม้ และการระบาดของโรคและแมลง แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ควรส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสาน ลดละเลิกการเผา โดยนำเศษวัสดุต่างๆ มาใช้ทำปุ๋ยอินทรีย์แทน และควรต้องมีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชที่ทนร้อน
ด้านประมง อุณหภูมิที่สูงขึ้นน้ำท่วม ภาวะแห้งแล้ง การสึกกร่อน และการเกิดพายุ มีผลต่อระยะเวลาการวางไข่ของสัตว์น้ำ การระบาดของโรคสัตว์น้ำ เกิดปัญหามลพิษ และผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปะการัง สำหรับสัตว์น้ำที่เลี้ยงในบ่อ หรือกระชัง จะเกิดความเครียด เนื่องจากอยู่ใน บริเวณจำกัด มีผลโดยตรงต่อผลผลิต ปัญหาน้ำท่วมขังและเน่าเสีย มีผลทำให้สัตว์น้ำตาย การรุกล้ำของน้ำเค็ม ทำให้กุ้งในบ่อเลี้ยงช็อกตาย
ด้านปศุสัตว์ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เกิดโรคใหม่ๆ เพิ่มขึ้น การเจริญเติบโตของสัตว์ลดลง และผลผลิตปศุสัตว์ลดลง เกิดผลกระทบต่อการผลิตอาหารสัตว์ ต้นทุนที่สูงขึ้น อาหารสัตว์แพงขึ้น การลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ มีผลต่อแหล่งอาหารสัตว์ลดลง รวมถึงเกษตรกรไม่สามารถลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ได้ แนวทางการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์สัตว์ โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เช่น การผลิตน้ำเชื้อ การฝากถ่ายตัวอ่อน การจัดเก็บเชื้อพันธุ์พื้นเมือง การส่งเสริมงานวิจัยด้านต้นทุน การพัฒนาเทคนิคการจัดการฟาร์ม การฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เกษตรกร รวมถึงการเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ เพื่อเตรียมตัวและแก้ไขปัญหาได้ทันเหตุการณ์
ด้านทรัพยากรน้ำและชลประทาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีผลทำให้เกิดน้ำท่วมภาวะภัยแล้ง และส่งผลต่อระบบชลประทาน แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ การพยากรณ์ภูมิอากาศล่วงหน้า เพื่อเป็นข้อมูลให้เกษตรกรสามารถเตรียมตัวได้ทัน มีระบบเตือนภัยน้ำท่วมการจัดการระบายน้ำที่ดี และมีการปรับตัวต่อภัยแล้ง ได้แก่ การใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การพัฒนาพันธุ์พืชที่ใช้น้ำน้อยและทนแล้ง การจัดการชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ
ด้านป่าไม้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีผลกระทบทั้งต่อป่าชายเลน และป่าบกผลจากน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการกัดเซาะชายฝั่ง มีผลต่อสัตว์น้ำวัยอ่อน พื้นที่ป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลวัยอ่อน และมีความอ่อนไหวต่อผลกระทบได้ง่าย แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ มีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการใช้ไม้ไผ่ปักไว้ เพื่อชะลอและลดผลกระทบจากคลื่น ช่วยลดปริมาณการกัดเซาะชายฝั่ง
เกษตรกร ควรติดตามสถานการณ์ภัยธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ต้องเตรียมพร้อมรับมือ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภัยธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่สามารถป้องกันได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งดำเนินการ ให้มีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชที่มีความต้านทานต่อภาวะอุณหภูมิที่สูงขึ้น ต้านทานโรค และแมลง หรือพันธุ์พืชที่ทนแล้ง ทนน้ำท่วมขัง เพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมไทย
การแก้ปัญหาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ไม่ใช่หน้าที่ของภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ภาคอุตสาหกรรม หรือภาคการผลิตอื่นๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ผลกระทบหลักกลับตกไปอยู่ที่ภาคเกษตร ซึ่งเป็นภาคการผลิตที่สำคัญในการเป็นแหล่งอาหาร ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่าย จะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
นาย รัตวิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี