เลาะรั้วเกษตรสัปดาห์นี้ ต้องบอกว่าเป็นอีกครั้งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดขอบจอว่า วันนี้ 15 กรกฎาคม 2559 พื้นที่ใดในจังหวัดนครราชสีมา เรื่องที่ว่า มันไม่ใช่อะไรอื่นไกลหรอกจ้า แต่เป็นเรื่องการปักป้ายครั้งแรก ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ที่จะไปปักป้าย เป็นพื้นที่แรกให้คนที่ถือครองที่ดินรายใหญ่ที่บอกว่า 500 ไร่ขึ้นไป วันนี้จะได้รู้กันว่า มันคือผู้ใด ที่มีที่ดิน ของ ส.ป.ก. ไปนอนกอดครอบครองเยอะขนาดนั้นวันนี้ได้รู้กัน เพราะว่ากันว่างานนี้ คุณพี่ท่าน “สรรเสริญ อัจจุตมานัส” เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จะจูงแขนท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย สาริกัลยะ” ไปปักป้ายยึดคืนเป็นแห่งแรก หลังจากที่รัฐบาลมีการตัดสินใจใช้ ม.44 แก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร หลายวันที่ผ่านมา จึงได้เห็นการออกแอ๊กชั่น ของใครหลายคน ว่าเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่วนหวยจะออกวันนี้ เป็นใคร ต้องติดตามกัน เพราะเรื่องนี้อีกยาว แต่แน่ๆแว่วว่าในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีให้เลือกปักหลายที่ทั้งพื้นที่ อ.โชคชัย ปากช่อง วังน้ำเขียว และมีแนวโน้มว่าอาจจะปักป้ายแห่งแรกเป็นปฐมฤกษ์แถวปากช่อง ของเสี่ย ช. ต้องติดตาม......
มาไล่เลียง ให้รู้กันว่า พอประมาณว่าเรื่องนี้ มันน่าจะเป็นอย่างไร เอากันง่ายๆ คือ ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ที่เกิดขึ้นมันเป็นมาอย่างต่อเนื่อง ว่ามีการเปลี่ยนมือถือครอง จากเกษตรกรตัวจริงเป็นนายทุน ที่แอบไปซื้อ ซึ่งนั่นมันคือปัญหาปลายเหตุ ที่ไล่กลับ จับได้ตามกฎหมาย ส.ป.ก.ที่พอมีอยู่ แต่ปัญหาที่สำคัญไปกว่านั้น มันคือ ก่อนที่กรมป่าไม้ จะมีการประกาศยกพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ให้ส.ป.ก. มาจัดที่ให้กับเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินนั้น ไม่ใช่พื้นที่เปล่า เพราะมันชัดเจนว่า พื้นที่กรมป่าไม้ ส่งมา มันมีคนมาก่อนอยู่ด้วย และที่สำคัญ บางพื้นที่ มีเอกสารชัดเจน และบางพื้นที่ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภบท.5 บางพื้นที่มี เอกสาร ส.ค. ซึ่งต้องพิสูจน์กันมายาวนาน เมื่อเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ไปจัดรูปให้กับเกษตรกร จึงถูกสวนกลับ เพราะเขาอยู่มาก่อน ปี 2518 จึงเป็นที่มาว่าจัดไม่จบ ไม่มีใครอยากได้ ส.ป.ก. เพราะเขารอออกโฉนดจะดีกว่า และเกษตรกรเขาก็ ไม่อยากให้ที่ดินของเขาที่มีอยู่ไปอยู่ในส่วนของ ส.ป.ก. จึงอ้างสิทธิ ครอบครอง และต่อสู้กันมายาวนาน เพราะที่ ส.ป.ก. ไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้และไปทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการเกษตรตามกฎหมาย ส.ป.ก. มาวันนี้ จึงมีคำถามคำโต ว่ารัฐบาลควรคิดเป็นระบบได้หรือยัง
ส่วนที่เป็นพื้นที่ ส.ป.ก. ชัดเจนที่อยู่มาหลังปี 2518 ที่บุกรุกใหม่ และรอจัดให้กับเกษตรกร ที่นายทุนไปกว้านซื้อหลายพันไร่ ของใครเป็นของใคร ไปสืบกันเอง ว่ากันว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อหลายปีก่อน ที่พื้นที่ ส.ป.ก. มีการประกาศ จะเดินหน้า จัดที่ทำกิน ให้ได้ปี 1 ล้านไร่ ในส่วนที่ยังไม่จัดจะกี่ไร่ ไปถาม ส.ป.ก.กันเอง แต่ที่แน่ๆ นายทุนที่ไปซื้อที่ ส.ป.ก. กับเกษตรกร ที่กำลังรอจัดให้กับเกษตรกร ที่กรมป่าไม้ส่งมา จะกี่ร้อยกี่พันไร่ไม่ทราบ เข้าใจเอาว่า น่ากระจายสิทธิ เป็นที่เรียบร้อย เผลอๆน่าจะไม่เกิน 50 ไร่ ตามกฎหมายที่ ส.ป.ก. กำหนดน่าจะจบไปนานแล้ว และมาวันนี้ การไล่ล่า กำหนดตัวเลขที่ว่า จะบี้นายทุน และผู้มีอิทธิพล ในส่วนที่เกินว่า 500 ไร่ อยากถามชัดๆว่า มันอยู่ตรงไหนขอรับครับท่าน......อยากเห็นเป็นบุญตาม ไม่ใช่ปาหี่ เล่นเฉพาะฝ่ายตรงข้าม
สุดท้ายต้องบอกว่า แม้แต่ “สรรเสริญ” เองก็ออกมายอมรับกลายๆว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่ ทำงานลำบาก เพราะได้ที่ซื้อที่ ส.ป.ก. ไปล้วนเป็นผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ท้องถิ่น นักการเมืองระดับประเทศ แต่ที่รู้มากว่านั้น มันคือกลุ่มคนมีสีบางกลุ่มสมโรงงานนี้ ต้องระวังกล้าจริงเอาจริง มีหลักฐานจริง ต้องอย่าเลือกปฏิบัติระวังงานงอก เพราะแว่วว่าหากรัฐบาลเอาจริงเอาจังและมีความชัดเจน มีหลายคนพร้อมจะคืน เพราะบางส่วนอย่าซื้อมาโดยไม่รู้ชาวบ้านขายก็ซื้อถึงตอนนี้ ก็มีตัวอย่างให้เห็นว่า มีนักธุรกิจเศรษฐินีที่ จ.กาญจนบุรี ยื่นความจำนงขอคืนพื้นที่ส.ป.ก.ที่ได้ครอบครองไว้ 1,263 ไร่ให้ไปจัดสรรเกษตรกรเข้าทำกิน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีต้องยกย่อง จากนี้ไป ต้องติดตามต่อไปเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมจ้องติดตาม
หลังคาเขียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี