วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กรมวิชาการเกษตรยันระบบการขึ้นทะเบียนสารเคมีทางการเกษตรเน้นปลอดภัย ไม่ผูกขาดเพื่อสร้างทางเลือกให้เกษตรกรมากขึ้น ขณะนี้ มีสารเคมีทางการเกษตรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในระบบกว่า 8,800 ฉบับ ครอบคลุมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกประเภท พร้อมพิจารณาเฝ้าระวังสารเคมีทางการเกษตร 20 ชนิด วอนผู้ประกอบการให้มีจรรยาบรรณในการผลิตและจำหน่าย
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การดำเนินการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร หรือ สารเคมีทางการเกษตรที่ใช้กับพืช อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 โดยมีคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร ซึ่งมีอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานโดยตำแหน่ง เป็นผู้พิจารณาความถูกต้องเหมาะสมทางด้านวิชาการสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีชนิดนั้นๆ เพื่อให้สารเคมีที่ขึ้นทะเบียน มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้พิจารณารับขึ้นทะเบียนสารเคมีทางการเกษตรที่สกัดจากสารธรรมชาติ เป็นสำคัญ รวมทั้งสารเคมีที่มีความเจาะจงกับพืชชนิดเดียวกัน แต่มีผู้ขึ้นทะเบียนเพียงสารเดียว หรือสารเคมีที่มีผู้ขึ้นทะเบียนน้อยรายให้พิจารณารับขึ้นทะเบียนเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกษตรกรได้มีทางเลือกในการใช้สารเคมีหลากหลายชนิด ไม่เกิดการผูกขาด
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 ถึงเดือนกันยายน 2558 มีสารเคมีทางการเกษตรขึ้นทะเบียนไว้แล้วจำนวน 8,879 ฉบับซึ่งเมื่อตนมาเป็นประธานคณะอนุกรรมการ ดังกล่าว ในเดือนตุลาคม 2558 ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการหลายรายว่าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการล่าช้า จึงได้ปรับการประชุมของคณะอนุกรรมการใหม่ เป็นเดือนละ 2 ครั้ง ส่งผลให้ 10 เดือนที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการชุดนี้ ได้รับขึ้นทะเบียนสารเคมีทางการเกษตรไปแล้ว 517 ฉบับ โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพ และพิษวิทยา ประกอบกับเงื่อนไขความปลอดภัยที่เป็นสากล สำหรับรายที่ไม่รับขึ้นทะเบียนส่วนใหญ่เกิดจากข้อมูลไม่สมบูรณ์ ครบถ้วน และเพียงพอที่จะให้คณะอนุกรรมการพิจารณาได้ ซึ่งได้แจ้งให้นำไปแก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูลมาให้พิจารณาใหม่ โดยเรียงลำดับก่อนหลังตามการยื่นเอกสารและข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถตรวจสอบได้ ส่วนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาขึ้นทะเบียนมีจำนวนประมาณ 1,000 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของสารเคมีกำจัดวัชพืช ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจำนวนมากแล้วในปัจจุบัน
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร เป็นการรับรองเบื้องต้นว่า สารเคมีที่ผ่านการขึ้นทะเบียน เมื่อใช้ตามคำแนะนำที่กำหนดไว้ในฉลากจะมีความปลอดภัยแน่นอน อย่างไรก็ตาม ศัตรูพืชสามารถที่จะพัฒนาตนเองขึ้นมาต้านทานสารเคมีทางการเกษตรชนิดนั้นๆ ได้ หากไม่ใช้ตามคำแนะนำ และสารเคมีบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับสารอื่น หรือ เกิดพิษสะสมในสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้น กรมวิชาการเกษตร อยู่ระหว่างการพิจารณาเฝ้าระวังสารเคมีทางการเกษตร จำนวน 20 ชนิด อย่างใกล้ชิด เช่น ไซเพอร์เมทริน อะลาคลอร์อัลดิคาร์บอะบาเมกตินคลอร์ไพริฟอส ไดโครโตฟอส เป็นต้น หากพิจารณาแล้วมีความจำเป็นต้องควบคุมการใช้อย่างใกล้ชิด กรมวิชาการเกษตรสามารถที่จะเสนอคณะอนุกรรมการ ให้พิจารณาห้ามขึ้นทะเบียนสารเคมีชนิดดังกล่าวได้
กรมวิชาการเกษตรพยายามเต็มที่ ในการควบคุมการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ที่ผ่านมา ยังพบการลักลอบนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีการขึ้นทะเบียนและไม่ขออนุญาตนำเข้าที่ด่านศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จำนวน 18.2 ตัน และด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 20.2 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ลักลอบจำหน่ายสารเคมีที่ห้ามใช้แล้ว หรือสารเคมีที่ไม่มีคุณภาพ จึงได้กำชับให้สารวัตรเกษตรตรวจสอบร้านค้าจำหน่ายปัจจัยการผลิตอย่างเข้มงวดและขอความร่วมมือให้เกษตรกร หรือประชาชนทั่วไปหากพบผู้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าว ช่วยแจ้งเบาะแสให้กรมวิชาการเกษตรทราบด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี