นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปเยือนประเทศอินเดียอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ 16-18 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ 2 ประเทศ เพื่อขยายตลาดและความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการผลักดันสินค้ายางพาราไปสู่ตลาดอินเดีย เนื่องจากยางพาราเป็นสินค้าที่ต้องการของอินเดียในการแปรรูปอุตสาหกรรมยางล้อและผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆเพื่อใช้ภายในประเทศค่อนข้างสูง โดยประเทศอินเดีย มีปริมาณการใช้ยางในประเทศ 9 แสน - 1.1 ล้านตันต่อปี ขณะที่ผลิตยางภายในประเทศได้ปีละ 5 แสนตัน จึงยังมีความต้องการยางพาราเพิ่มอีกประมาณ 4-5 แสนตันต่อปี ซึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก จะส่งวัตถุดิบป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ ภายในประเทศ

โดยการเจรจาในครั้งนี้ ประเทศไทยได้ทราบถึงปริมาณความต้องการยางพารา และความต้องการของบริษัทผู้ผลิตยางล้อ โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของวัตถุดิบ ปัญหาเรื่องกลิ่น ดังนั้นกยท.จึงได้เร่งให้ความรู้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาคุณภาพยางไทยทั้งระบบให้ได้มาตรฐานระดับสากลต่อไป

ส่วนประเด็นการระบายสต๊อกยางพาราประมาณ 3.1 แสนตัน นายธีธัช กล่าวว่า การระบายสต๊อกยางที่มาจากโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง จำนวนประมาณ 3.1 แสนตันนั้น กยท.เน้นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะนำยางในสต๊อกดังกล่าวมาใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐก่อน จากนั้นจะนำยางไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และนำมาใช้ภายในประเทศให้ได้มากที่สุด โดยในส่วนที่เหลือ อาจจะต้องระบายขาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา และต้องคำนึงถึงคุณภาพยางควบคู่ด้วย อย่างไรก็ตาม มาตรการในการขายยางในสต๊อกส่วนที่เหลือจากวัตถุประสงค์ข้างต้น กยท.ยืนยันจะไม่ขายยางแบบลอตอย่างแน่นอน โดยจะดำเนินการแบ่งขายเป็นลอตเล็กๆ และค่อยๆ ระบายออกไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคายางพาราในตลาด และที่สำคัญ การขายจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวสวนยาง