13 พ.ย. 59 เมื่อเวลา 00.10 น. ร.ต.ท.นรินทร์ รอดชู ร้อยเวร สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ ที่หมู่ที่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ รุดไปที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุในซอยชุมชนวัดสุวรรณ ใจกลางเมืองชุมพร  ฃภายในบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านไม้เก่า 2 ชั้น เลขที่ 192 ม.9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร บริเวณชั้นล่าง พบศพ 2 ศพนอนเสียชีวิตบนเตียง ทราบชื่อ นายเกรียงไกร อินทนาคม หรือ ดำ อายุ 59 ปี ถูกยิงบริเวณเบ้าตาซ้ายกระสุนทะลุท้ายทอย และบริเวณแขนขวา กระสุนฝังใน อีกศพทราบชื่อ นางสุทัศน์ อินทนาคม หรือ เจ้หม่ำ อายุ 52 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณศรีษะ ในห้องโทรทัศน์ยังเปิดอยู่ บริเวณบ้านอยู่ในสภาพปกติ ทรัพย์สินผู้ตายยังอยู่ครบ ไม่มีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด

จากการตรวจชันสูตรพลิกศพของทีมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เบื้องต้นพบกระสุนขนาด .38 หนึ่งนัดทะลุบริเวณท้ายทอยของนายเกรียงไกร จึงส่งให้ตำรวจที่เก็บเป็นหลักฐาน หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสืบสวนพยานผู้ใกล้ชิดผู้ตายด้วยตนเอง

คดีนี้เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ผู้ตายซึ่งเป็นสามีภรรยากำลังนอนดูทีวีภายในบ้าน คนร้ายคาดว่าไม่น้อยกว่า2 คน และคงรู้จักสนิทกับผู้ตายได้เข้ามาเจรจาข้อขัดแย้ง เมื่อตกลงกันไม่ได้ คนร้ายจึงชักอาวุธยิง นายดำ แล้วหันมายิงเจ้หม่ำ ในระยะกระชั้นชิดทั้งคู่ ก่อนจะหลบหนีไป

สำหรับสาเหตุการสังหารอย่างเหี้ยมโหด คนร้ายบุกเข้ามาสังหารในบ้านทั้งที่อยู่ใจกลางชุมชนใหญ่ ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้สองประเด็น คือ นายเกรียงไกร อินทนาคม หรือ เป็นที่รู้จักดีในนาม "ดำชุมพร" เป็นผู้กว้างขวางชุมพรคนหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นนักเลงรุ่นเก่าของเมืองชุมพร เคยติดคุกคดียาเสพติดมาเมื่อ 1 ปี ส่วนเจ้หม่ำเป็นแม่ค้าขายผลไม้รายใหญ่ของเมืองชุมพร และออกเงินกู้ มีบุคลิกเป็น คนปากจัดจนเป็นที่รู้จักกันทั่วตลาดชุมพร  ส่วนสาเหตุของการสังหาร สันนิษฐานว่าน่าจะมีจากเรื่องส่วนตัวและธุรกิจบางอย่าง ตำรวจจะได้ติดตามคนร้ายคลี่คลายคดีต่อไป