วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
21 พ.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสสังกัดสำนักข่าวเอพี เจ้าของฉายา "นักข่าวสายโจร" โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Sutin Wannabovorn" วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถาบันการศึกษาและหน่วยงานราชการ ว่าจ้างนักพูดให้ไปพูดโน้มน้าวบุคลากรในหน่วยงานให้เกิดความจงรักภักดี ว่าถือเป็นความล้มเหลวของหน่วยงานนั้นๆ เนื่องจากความจงรักภักดี ความรู้รักสามัคคี ควรเกิดจากความสมัครใจ อย่างเช่นปรากฎการณ์สนามหลวงและสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ที่เป็นบทพิสูจน์ของความจงรักภักดี ความสามัคคี ที่เกิดจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การรับจ้างไปแสดงวาทกรรมบีบคั้นอารมณ์ให้เกิดแรงดลใจในความจงรักภักดี ข้อความว่า
จงรักภักดีเกิดจากความรักศรัทธาเคารพเทิดทูน
ต้องทำความเข้ากันให้ดีนะครับ ว่าความจงรักภักดี เกิดขึ้นด้วยเคารพรักศรัทธาเทิดทูนบูชา อย่างบริสุทธิ์ใจ ความจงรักภักดีเคารพรักเทิดทูนบูชา พิสูจน์ได้จากปรากฏการณ์สนามหลวงและสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และหลายเมืองทั่วโลก ที่มีผู้เคารพรักศรัทธาเทิดทูนบูชา แสดงพลังสามัคคีทำความดีด้วยการให้ จนเกิดปรากฏการณ์มีผู้ให้มากกว่าผู้รับ ความรักเทิดทูนบูชาที่เกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นพลังผลักดันอย่างมหัศจรรย์ทำให้ผู้ที่เคยมีความเคลือบแคลงสงสัยในความรักศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ ต้องทบทวนอุดมการณ์ ทบทวนความคิดจากลบมาเป็นบวก กลับเนื้อกลับตัวมาแสดงความเคารพรักศรัทธา ร่วมทำความดีด้วยให้โดยสมัครใจ ไม่ต้องมีใครไปชักชวนว่าจ้าง
ปรากฏการณ์สนามหลวงและสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก เป็นบทพิสูจน์ว่า ความจงรักภักดี ความรู้รักสามัคคีเกิดจากพลังศรัทธาอันหาที่เปรียบมิได้ ความจงรักภักดีความรู้รักสามัคคีที่เกิดจากความสมัครใจ ไม่ได้มาจากการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ไม่ได้มาจากการว่าจ้าง จึงพูดได้ว่าความจงรักภักดี ความรู้รักสามัคคี ไม่อาชีพ ความจงรักภักดีไม่ใช่การรับจ้างไปแสดงวาทกรรมบีบคั้นอารมณ์ราวกับแสดงละครให้เกิดแรงดลใจในความจงรักภักดี
สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานราชการใดๆ ที่จ้างคนให้ไปพูดโน้มน้าว หรือไปแสดงละครเพื่อให้เกิดแรงดลใจในความจงรักภักดี ย่อมแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของหน่วยงานราชการนั้นๆ แสดงให้เห็นว่าบุคลากร ของหน่วยงานราชการ สถาบันศึกษาเหล่านั้นซึ่งผ่านมาอบรม จิตวิทยามวลชนมานับครั้งไม่ถ้วนล้มเหลว สิ้นเปลืองงบประมาณในการอบรมบุคลากรไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ศูนย์เปล่าโดยสิ้นเชิง
หน่วยงานมั่นคง เช่น กอ.รมน. ที่เคยทำสงครามจิตวิทยา ทำสงครามข่าวหรือปฏิบัติข่าวต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น เป็นหน่วยงานที่บุคลากรเชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยามวลชนมากที่สุด ถ้า กอ.รมน. ยังต้องจ้างนักพูดชั่วโมงละเป็นพันเป็นหมื่นบาท ให้ทำปฏิบัติข่าว ปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน เพื่อให้เกิดความจงรักภักดี เกิดความสามัคคีในชาติ ย่อมแสดงว่าบุคลากรใน กอ.รมน. ไร้ประสิทธิภาพและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง กอ.รนม. ถึงต้องจ้างคนภายนอกให้สร้างแรงดลใจจงรักภักดี
จำเป็นต้องพูดกับ กอ.รมน. และหน่วยงานราชการทั้งหลาย ว่าการทำจิตวิทยามวลชน เพื่อให้เกิดความจงรักภักดีนั้น แตกต่างจากการทำจิตวิทยามวลชนเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ ต่อต้านลัทธิก่อการร้าย หรือความขัดแย้งทางการเมือง เพราะปฏิบัติการใดๆ ที่เกี่ยวกับสถาบัน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีวัฒนธรรม ที่มีธรรมเนียม ประเพณีปฏิบัติที่สูงส่งศักดิ์สิทธิ์ คนที่ไปรับหน้าที่ทำจิตวิทยามวลชน ในเรื่องที่สูงส่งศักดิ์สิทธิ์ต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะ มีความรู้ลึกซึ้งในศาสตร์สาขาต่างๆ รู้ธรรมเนียมปฏิบัติ
ถ้าจ้างคนที่ไม่มีความรู้สึกซึ้ง ไม่รู้ธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ ไม่รู้ว่าในสถานที่สำคัญ (สำหรับสตรี) ต้องถอนสายบัว หมอบกราบ พนมมือไหว้ สถานที่สำคัญต้องไม่โค้งแบบ ญี่ปุ่น ไม่นั่งยองๆ ไหว้ แบบแม้ว แบบมั้ง คนที่ไปทำจิตวิทยามวลชนต้องใช้สรรพนามให้ถูกต้อง เพี่อแสดงถึงความเคารพให้เกียรติต่อบุคคลที่ต้องการผู้ฟังศรัทธาเคารพเทิดทูน ไม่ใช่ใช้คำว่า He หรือ She แบบฝรั่ง ถ้าผู้ที่รับจ้างไปทำจิตวิทยามวลชนใช้ภาษาสรรพนาม และปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ผลที่ออกมา จะเป็นดาบสองคมที่ต้องตามแก้ไขตามล้างเช็ดกันไม่มีที่สิ้นสุด
อนึ่งการนำเรื่องสถาบันไปพูดในต่างประเทศ ผู้พูดต้องได้รับการมอบหมาย หรือได้รับอนุญาตให้พูดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากสำนักพระราชวัง หรือผู้ที่มีหน้าที่รับโดยตรง เพราะในต่างประเทศนอกจากคนไทยรักชาติแล้ว อาจมีผู้ไม่หวังดีมีฝรั่งผีโม่แป้ง ผสมโรงเข้ามาทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยและสถาบัน โดยการนำเรื่องที่พูดไปบิดเบือนแล้วใครจะเป็นคนแก้ไข
มีตัวอย่างเล่าอยากเล่าสู่กันฟัง เมื่อครั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปร่วมประชุมที่ประเทศสิงคโปร์ มีนักข่าวไทยที่ทำงานกับสำนักข่าวต่างประเทศ ซึ่งฝังใจเชื่อว่าจะเกิดความตึงเครียดในห้วงเวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในประเทศไทย (สื่อต่างประเทศฝังใจเชื่อเรื่องนี้มานานเป็นสิบปีแล้ว คือเขาตั้งธงเรื่องนี้มานานแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร) เมื่อนักข่าวคนนั้นถามนายอภิสิทธิ์ ถึงความคาดหมายว่าจะเกิดความตึงเครียดในประเทศไทย ในห้วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ นายกรัฐมนตรีเวลานั้น ตอบว่า มั่นใจว่าไม่มีความเครียดเพราะทุกอย่างจะเป็นตามกระบวนการอย่างราบรื่น กลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็ถามนายอภิสิทธ์ ว่าเรื่องอะไรของนายกฯ ที่ไปตอบคำถามนักข่าวกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และนายกฯไม่มีหน้าที่ชี้แจงหรือตอบคำถามทำนองนี้ เพราะเมื่อตอบไปอย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศจะไปใส่สีตีไข่ ตามธงที่พวกเขาตั้งไว้
พูดเสมอว่าใครก็ตามที่พูดเรื่องสถาบันสูงสุดของชาติ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยตรงแล้ว ไม่ควรประพฤติปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถาบันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นของสูงที่ มีธรรมเนียม มีประเพณีปฏิบัติ
หน่วยงานราชการที่ไปจ้างใครต่อใคร ให้ทำจิตวิทยามวลชนในเรื่องนี้ นอกจากประจานความล้มเหลวของตัวเองแล้วยังเป็นที่ประจักษ์ว่าไม่เข้าใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ใช้เงินเป็นหมื่นเป็นแสน กับสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้แม้แต่สลึงเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี