นายอุทัย นพคุณวงศ์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เมล็ดพันธุ์ หรือพืชพันธุ์ดีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเพาะปลูกพืชเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต สร้างความมั่นคงทางอาหาร ดังนั้นการปรับปรุงพันธุ์พืชให้ได้พันธุ์ดีและมีความหลากหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงพันธุ์พืช ต้องใช้ทั้งความรู้ความสามารถ เทคนิค รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุน ดังนั้น เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชอย่างต่อเนื่อง นักปรับปรุงพันธุ์พืชจึงสมควรได้รับเกียรติยกย่องและผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพื่อเป็นกำลังใจและสร้างแรงจูงใจรักษาอาชีพนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่มีอยู่เดิม และเพิ่มจำนวนนักปรับปรุงพันธุ์ใหม่ๆให้มากขึ้น โดย กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมการปรับปรุงพันธุ์พืช
2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542
ทั้งนี้ ความแตกต่างของการรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนและการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ คือ ในการขึ้นทะเบียนพันธุ์ตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 นั้น พันธุ์พืชทุกชนิดสามารถนำมายื่นขอขึ้นทะเบียนได้ โดยการตรวจสอบลักษณะพันธุ์ จะใช้การพิจารณาตรวจสอบจากข้อมูลที่เป็นเอกสารหลักฐานและรูปถ่าย ส่วนการจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 นักปรับปรุงพันธุ์หรือเจ้าของพันธุ์จะได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย บุคคลใดจะขายส่วนขยายพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ที่จดทะเบียนคุ้มครองไว้แล้ว ต้องได้รับอนุญาตจากนักปรับปรุงพันธุ์เจ้าของพันธุ์เสียก่อนจึงจะสามารถกระทำได้ โดยกฎหมายมีอายุการคุ้มครองตั้งแต่
12 ปี 17 ปี และ 27 ปี แตกต่างตามชนิดพืช โดยพันธุ์พืชที่จะจดทะเบียนได้ต้องยังไม่ขายจ่ายแจกส่วนขยายพันธุ์เกินกว่า 1 ปีก่อนวันที่ยื่นขอจดทะเบียน และต้องผ่านกระบวนการปลูกตรวจสอบตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด ใช้ระยะเวลาดำเนินการอย่างน้อย 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดพืช ความพร้อมของผู้ยื่นและ
คุณภาพการปลูกตรวจสอบปัจจุบันมีเพียง 62 ชนิดพืชเท่านั้น ที่สามารถยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ได้และเมื่อจะทำการค้าพันธุ์ที่ได้จดทะเบียนแล้ว ผู้ทรงสิทธิจะต้องติดฉลากแสดงทะเบียนตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ส่วนขยายพันธุ์ที่จำหน่ายด้วย
ทั้งนี้ การออกหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนเปรียบเสมือนการทำบัตรประจำตัวพันธุ์พืชซึ่งเป็นประโยชน์ในการป้องกันมิให้บุคคลอื่นสามารถนำพันธุ์ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ไปอ้างสิทธิยื่นจดทะเบียนพันธุ์ใหม่ได้ และยังเป็นการคุ้มครองเชิงปกป้องในทรัพยากรพันธุ์พืชของประเทศเนื่องจากปรากฏเป็น
หลักฐานยืนยันในฐานข้อมูลพันธุ์พืชของประเทศ ขณะที่การจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่เป็นการคุ้มครองเชิงทรัพย์สินทางปัญญาเชิงการค้าที่ผู้ทรงสิทธิได้รับสิทธิการคุ้มครอง และมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
เช่นกัน
ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตรออกหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนแล้ว 1,081 ฉบับ และจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ จำนวน 461 พันธุ์ ทั้งนี้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีบริบทที่แตกต่างกัน จึงเป็นทางเลือกให้นักปรับปรุงพันธุ์พืชสามารถพิจารณาเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม กฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีเจตนารมณ์ที่เหมือนกันคือส่งเสริม
ให้เกิดการปรับปรุงพันธุ์พืชเพิ่มเติม
เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตรของประเทศต่อไป กรมวิชาการเกษตร จึงขอเชิญชวนนักปรับปรุงพันธุ์พืช นำพันธุ์พืชที่ปรับปรุงพันธุ์จนประสบความสำเร็จ มายื่นขอรับความคุ้มครองได้ที่สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี