วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะจบลงอย่างไรสำหรับกรณีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่วันนี้กลุ่มชาวบ้าน “เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” พากันเดินทางมาปักหลักประท้วงคัดค้านโครงการอยู่ที่ริมรั้วทำเนียบรัฐบาล
แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกมาป่าวประกาศหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่า ได้สั่งการให้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เข้าไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน โดยเบื้องต้นได้มีการชะลอโครงการออกไปก่อนแล้ว
แต่ท้ายสุด ก็ดูเหมือนว่า “คำพูด” ของนายกฯ ในรอบนี้จะแทบไม่เหลือความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีฯ ต่างยังยืนยันเสียงแข็งจะปักหลักอยู่ชุมนุมต่อไป โดยมีเงื่อนไขเดียว คือ ต้องประกาศเลิกโครงการเท่านั้น
การตัดสินใจของชาวบ้านครั้งนี้ มองเผินๆ อาจทำให้ “แฟนคลับ” ของนายกฯไม่พอใจ เพราะจากที่ไปไล่ๆอ่าน ความคิดเห็นดูตามเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือเว็บข่าวต่างๆ ก็เห็นหลายคนออกมาก่นกล่าวหาชาวบ้านว่าตีรวนบ้างล่ะ รับเงินต่างชาติบ้างล่ะ ไล่กลับบ้านไปสู้คดีบ้างล่ะ และอื่นๆ อีกสารพัด
ทั้งที่ความเป็นจริงซึ่งเป็นเนื้อแท้ของปัญหา และเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเขาตัดสินใจปักหลักสู้ต่อ ก็มาจากเหตุผลเรื่องเดียว นั่นคือ “ความไว้ใจ”
โดยเฉพาะความไว้ใจที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ
ต้องไม่ลืมว่า คำพูดลักษณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เคยใช้ครั้งแรก แต่ท่านเคยใช้มาแล้วตั้งแต่การชุมนุมคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ที่สุดท้ายปัญหาก็ยังคาราคาซังมาจนถึงวันนี้ แถมไม่พอก็ยังมีความพยายาม “ดิ้น” ที่จะปลุกผีโครงการนี้ขึ้นมาอยู่รอบแล้วรอบเล่า
ตัวอย่างมีให้เห็นทนโท่ขนาดนี้ มีหรือที่คน “เทพา-ปัตตานี” จะยอมเชื่อง่ายๆ
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า ก่อนหน้านี้เมื่อคราวประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.สงขลา 27-28 พ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งชาวบ้านได้จัดกิจกรรมเดินไปหานายกฯ เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึง “ไม่เอา” โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา แต่สุดท้ายกลับมีชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าขัดขวางจับกุมดำเนินคดีฐานทำผิด พ.ร.บ.ชุมนุม รวดเดียวถึง 17 คน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ชาวบ้านคิดว่า รัฐบาลกำลัง “ฉีก” จดหมายของชาวบ้านทิ้งไปเท่านั้น แต่มิหนำซ้ำยังช่วยกันเอากฎหมายมา “ปิดปาก” ชาวบ้านไม่ให้พูด ไม่ให้เรียกร้องใดๆ อีก
แล้วแบบนี้ใครล่ะจะยอมไว้ใจ
ที่สำคัญกรณีของ “เทพา” ไม่ได้เป็นกรณีเดียวที่สะท้อนให้เห็นถึงการผลักชาวบ้านให้กลายเป็นศัตรู เพราะปัจจุบันยังมีอีกหลายกลุ่มหลายก้อนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางสังคม ซึ่งโดยเนื้อแท้ปัญหาที่ถูกหยิบจับขึ้นมาพูดถึงก็เป็นปัญหาความเท่าเทียมกันในสังคมทั่วไป แต่ก็ถูก คสช.และกองเชียร์ เหมารวม “ยัดข้อหา” ให้กลายเป็นกลุ่มการเมืองที่คอยจ้องล้มรัฐบาล จ้องล้มคสช. อยู่ร่ำไป
นี่ไงครับถึงทำให้ “กองหนุน” พากันเดินหนีห่างจาก คสช. มากขึ้นทุกวัน
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี