กลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์เตรียมฟ้องเอาผิดปศุสัตว์เชียงราย“สังหารหมู่”หมาแมวยกหมู่บ้าน สกัดพิษสุนัขบ้าแพร่กระจาย จนท.ยันทำตามหลักการ เป็นประชามติชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ถึงความคืบหน้ากรณีชาวบ้านอ้างว่าเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำสุนัขและแมวของชาวบ้านจะลอ หมู่ 10 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ที่เลี้ยงไว้กว่า 100 ตัว ไปกำจัด เพื่อควบคุมการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า หลังมีสุนัขภายในหมู่บ้านติดเชื้อจำนวน 1 ตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา

ล่าสุดทางชาวบ้านในหมู่บ้านจะลอ ที่ไม่ยอมส่งมอบสุนัขที่เหลือจำนวน 4 ตัวให้กับเจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการสร้างกรงขังตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่ต้องให้กักสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเวลา 6 เดือน โดยหลายคนยังอยากให้มีการชี้แจงและรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะที่กลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์หลายองค์กร อาทิ องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม (Save elephant foundation) กลุ่มรักหมาจัง sos animals thailand the hop thailand และอีกหลายองค์กร ได้ประสานทีมกฎหมาย ทนายความ นักสิทธิมนุษยชนและนักสิทธิสัตว์ เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับทางปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งการดำเนินการในครั้งนี้แล้ว ในข้อหากระทำเกินกว่าเหตุและปฎิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามกรอบวิธีการปฎิบัติตามลำดับใน พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า

ด้าน น.ส.ฎายิน เพชรรัตน์ ผู้ก่อตั้ง sos animals thailand กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุเพราะทำให้มีสุนัขและแมวถูกสังหารถึงกว่า 130 ตัว ของชาวบ้านกว่า 60 ครอบครัว ในจำนวนนี้มีแมวที่คลอดลูกน้อยรวมอยู่ด้วย มีการดำเนินการที่รวบรัด และมีลักษณะของการข่มขู่ชาวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือไปถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพื่อทวงถามข้อเท็จจริงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ จึงมีการจับมือกลุ่มพันธมิตรเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อกรณีให้ถึงที่สุด โดยจะทำหนังร้องเรียนไปยังกรมควบคุมโรคถึงระเบียบวิธีการปฎิบัติที่ชัดเจน พร้อมจะแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวสข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน จะแจ้งความได้

“อยากขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้มีการไปข่มขู่ชาวบ้าน หรือไปดำเนินการใดๆที่เป็นการทำร้ายสัตว์เพิ่มเติม ซึ่งบ้านจะลอไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่ถูกกระทำ ก่อนหน้านี้บ้านแม่แสลบ ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ก็พบว่ามีการนำสุนัขและแมวทั้งหมดไปกำจัดแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมีการไปข่มขู่คุกคามผู้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมและแจ้งเบาะแสเช่นกัน ขณะที่พื้นที่อื่นๆก็มีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ก็มีการกำจัดเฉพาะสุนัขที่ติดเชื้อที่เหลือก็เป็นเพียงการกักพื้นที่ ไม่มีการนำไปทำลายทิ้งทั้งหมดเหมือนที่เกิดขึ้นใน จ.เชียงราย” น.ส.ฎายิน กล่าว

ด้านนายนพพร มหากันธา ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น แต่เมื่อมีการระบาดของโรค ซึ่งเป็นโรคระบาดที่จะนำไปสู่คนได้ ต้องมีการป้องกันและควบคุม ซึ่งตามหลักการจะต้องมีการควบคุมพื้นที่และให้กักกันสัตว์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่ด้วยพื้นที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านชุมชนชาวไทยภูเขาที่บ้าน แต่ละหลังมีการปลูกติดกัน โดยไม่มีรั้วรอบขอบชิดกั้น การกักกันสัตว์ 6 เดือนจำเป็นจะต้องให้มีกรงหรือรั้วอย่างมิดชิด โดยไม่ให้สัตว์ออกนอกพื้นที่ไปกัดหรือแพร่กระจายเชื้อ

ทั้งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเงินที่จะดำเนินการในส่วนนี้ จึงเห็นพ้องที่จะให้มีการนำไปกำจัดและตรวจหาเชื้อตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ก่อนกระจายไปสู่คนและพื้นข้างเคียง มีการทำประชามติทั้งชาวบ้านและผู้นำหมู่บ้านต่างรู้ดี ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดทางอธิบดีกรมปศุสัตว์จะมีการชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง พร้อมกับจะมีการทำความเข้าใจกับกลุ่มพิทักษ์ในเรื่องของความจำเป็นการดำเนินการในครั้งนี้ด้วย

“การกระทำกำจัดสัตว์ทางเจ้าหน้าที่เองก็เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องทำตามภาระหน้าที่ และการดำเนินการก็ไม่ได้เป็นการทารุณสัตว์ตามที่หลายฝ่ายคิดแต่อย่างใด เป็นการกำจัดตามหลักวิชาการของกรมปศุสัตว์ทุกอย่าง ไม่มีการทรมานอะไรเลย ซึ่งมีหน่วยงานด้านสาธารณสุขเข้าร่วมด้วย รวมทั้งเรื่องการข่มขู่ชาวบ้านนั้น ยืนยันได้ว่าไม่เคยข่มขู่และไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีเพียงการชี้แจงทำความเข้าใจที่ต้องมีการหยิบยกข้อกฎหมายให้ชาวบ้านเข้าใจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจ มีเพียงบางส่วนที่จะขอกักกันสัตว์เองทางเราก็ให้กัก แต่ต้องทำตามระเบียบของกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด” นายนพพร กล่าว