จเรตำรวจขีดเส้นอีก 2 วัน "ผบก.กาญจน" ต้องมารายงานตัวตามกำหนด เผยสาเหตุสั่งเด้งเพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งกับพยานหลักฐานคดีหวย 30 ล้าน ระบุหากผลสอบพบ ผบก.กาญจน์ผิดจริงส่ง ป.ป.ช.ฟันแน่ ด้าน"ครูปรีชา" ไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกวัน บอกเพิ่งรู้ข่าวผู้การถูกย้ายเข้ากรุ พร้อมกล่าว "ขอโทษ" แต่ยังมั่นใจเช่นเดิมสลากฯเป็นของตน ส่วนเรื่องทนายที่เตรียมไว้เป็นทนายมืออาชีพ พร้อมต่อสู้ในชั้นศาล ขณะที่ "ทนายลุงจรุญ" เข้าให้ข้อมูลกองปราบฯเพิ่ม ขู่ 2 เจ๊ให้ระวังไลน์ปลอมจะกลฃายเป็นคดี
วันนี้ (22 ก.พ.61) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) กาญจนบุรี คดีหวย 30 ล้านบาทมาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย โดยให้ไปรายงานตัวกับ พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผู้บัญชาการสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติวันที่ 22 ก.พ.นี้ว่า สาเหตุที่สั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ เนื่องจากผลการสืบสวนสอบของคณะทำงานพบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องเกียวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างเป็นธรรม ไม่ให้เข้าไปยุ่งเหยิงกระบวนการรวบรวมวัตถุพยานหรือพยานบุคคล จึงจำเป็นต้องออกคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. เพื่อให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้สอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพ และแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ไปปฎิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีผลตั้งแต่วันนี้
แต่จากการพูดคุยกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ที่ให้มารายงานตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในวันนี้นั้น ปรากฏว่า พล.ต.ต.สุทธิ ได้ทำหนังสือขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. หลังมีคำสั่งย้ายให้มาช่วยราชการและขาดจากตำแหน่งเดิม โดยให้เหตุผลว่าติดเข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน หรือ บรอ.ที่จัดโดยกองบัญชาการศึกษา และขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาดูงานที่จังหวัดเชียงราย จึงไม่สามารถเข้ารายงานตัวได้ทันและขอเข้ารายงานตัวหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจดังกล่าวก่อน ซึ่งตนก็อนุญาตและให้มารายงานตัวตามกำหนดที่ขอเลื่อนไปอีกไม่เกิน 2 วัน
ส่วนความผิดจะชัดเจนหรือไม่ชัดเจน มันอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็น ในระหว่างนี้เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความเป็นธรรม ต้องเอาตัว ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ออกจากพื้นที่ก่อน ถ้าผลสอบไม่พบความผิดก็สามารถกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมได้ แต่ถ้าพบมีความผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ว่าใครบ้างมีความผิด ผิดชั้นไหน จากนั้นอาจส่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบฯ หรือส่งให้ ปปป.รับคำร้องทุกข์ดำเนินคดีแล้วส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ระดับ พ.ต.ท.ลงมาส่งให้ ปปท. ถ้าสูงขึ้นกว่านั้นอาจส่งให้ ปปช.ดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ส่วนการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดี ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอผลการสอบสวนจากคณะกรรมการจากกองบัญชาการสอบสวนกลางสรุปมาก่อน แต่คาดว่าสามารถจะสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้
"ใครก็ตามที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ต้องห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะละเว้น แต่ต้องรอทางคณะกรรมการต้องรวบรวมพยานพยานหลักฐานอย่างเป็นธรรมและมีเหตุมีผล ที่จะชี้มูลความผิดแต่ละคน ซึ่งตรงนี้ยังไม่ขอก้าวล่วง ยืนยันว่าเหตุผลในการย้าย พล.ต.ต.สุทธิ ครั้งนี้มีเหตุผลเดียวเฉพาะเรื่องหวย ไม่มีเรื่องอื่นเกี่ยวข้อง" พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว
เผยเบื้องหลังคำสั่งเด้ง"ผบก.กาญจน์"
มีรายงานข่าวว่า คำสั่งย้ายดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า พล.ต.ต.ตรีสุทธิ ใช้อำนาจหน้าที่สั่งการให้พนักงานสอบสวนผู้ใต้บังคับบัญชาสอบสวนคดีหวย 30 ล้าน โดยไม่สุจริต และไม่เป็นธรรม มีอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหาก พล.ต.ต.สุทธิ ยังคงปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีในระหว่างที่มีการสอบสวนคดีนี้ อาจเป็นที่ไม่ไว้วางใจของคู่กรณีและประชาชนที่ติดตามข่าวคดีนี้ ตลอดจนอาจใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอันส่งผลให้พยานบุคคลเกิดความกลัว จึงเสนอเห็นควรมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ ไปปฎิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าการสอบสวนคดีนี้จะแล้วเสร็จ จึงเป็นเหตุให้มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิในเวลาต่อมา
มีรายงานข่าวด้วยว่า จากการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องคดีหวย 30 ล้าน โดยเฉพาะ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีนี้ตั้งแต่เริ่มแรกได้ให้การว่า มี 2 บุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงคำให้การของครูปรีชา น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช พยาน คือ พล.ต.ต.สุทธิ และ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี เป็นผู้สั่งการให้เปลี่ยนแปลงคำให้การ โดยสั่งด้วยวาจาและใช้คำพูดว่า "ทำการสอบสวนให้กลมกลืน" ทำให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ต้องเปลี่ยนแปลงคำให้การหลายครั้ง เพิ่มข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ได้มาภายหลัง เพื่อให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เมื่อแก้ไขคำให้การเสร็จ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ได้รายงานให้ พล.ต.ต.สุทธิ และ พ.ต.ท.ชูวิทย์ ทราบและตรวจคำให้การ ส่วนคำให้การเดิม ร.ต.อ.จิรยุทธ์ อ้างว่าฉีกทิ้งทำลายไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุทธิ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2560 โดย พ.ต.ท.ชูวิทย์ เป็นผู้ไปรายงานให้ทราบด้วยวาจา ต่อมาก็ปรากฏในสื่อต่างๆ ว่า พล.ต.ต.สุทธิ เรียกครูปรีชา และ ร.ต.ท.จรูญไปเจรจา แต่ตกลงกันไม่ได้ พล.ต.ต.สุทธิ จึงเรียกให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ นำสำนวนไปให้ตรวจและสั่งการหลายครั้ง แต่เป็นการสั่งด้วยวาจา ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ให้การว่า พล.ต.ต.สุทธิ เห็นการเปลี่ยนแปลงคำให้การมาโดยตลอดแสดงการรับรู้ โดยไม่ได้ทักท้วง ทำให้ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เชื่อว่าการกระทำของตนเองถูกต้องตรงกับคำสั่งการของ พล.ต.ต.สุทธิ แล้ว กระทั่งมีคำสั่งจาก บก.ภ.จว.กาญจนบุรี และ บช.ภาค 7 แต่งตั้งพนักงานสอบสวน แต่สำนวนยังอยู่ที่ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ซึ่งหลังพนักงานสอบสวน บก.ภ.จว.กาญจนบุรี เข้ามารับผิดชอบ ก็ยังได้มีการแก้ไขคำให้การ
เมื่อที่ประชุมรับทราบก็ไม่ได้มีการโต้แย้ง จากนั้นให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อยืนยันให้ตรงกับข้อเท็จจริงที่ถูกแก้ไข
โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การ ส่งผลต่อรูปคดีอย่างมาก ทำให้พยานหลักฐานของฝ่ายครูปรีชามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการลงความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีในชั้นศาล ดังนั้น การกระทำของทั้ง 3 บุคคล ทำให้ ร.ต.ท.จรูญ ต้องมาร้องขอความเป็นธรรมจาก ผบช.ก. ให้โอนคดีให้ บก.ป.สอบสวนแทน
"ครูปรีชา"ขอโทษ"ผบก.กาญจน์"
เวลา 12.00 น. นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี ได้อาศัยช่วงหยัดพักเที่ยง เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามข้อสงสัย ที่ห้องเรียนชั้น 2 (อาคารหลวงปู่ดี) โรงเรียนเทพมงคลรังษี ซึ่งครั้งนี้มีสื่อมวลชนร่วมซักถามเป็นจำนวนมาก โดยสื่อมวลชนถามว่า ล่าสุดมีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เนื่องจากอาจจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนวนนคดี และส่วนตัวครูปรีชาเองมีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.สุทธิ หรือไม่
ครูปรีชา ตอบว่า ในส่วนเรื่องของการย้ายผู้บังคับการตำรวจจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้รับรู้จากสื่อมวลชน ซึ่งมีสื่อมวลชนหลายคนถามว่าครูมีความสนิทสนมกีบผู้การตำรวจหรือไม่ ขอเรียนว่า ครูไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ว่าเหตุของเรื่องก็เกิดมาจากเรื่องของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ของครูหาย และได้มีการเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก เพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้เท่านั้นเองนี่เป็นเรื่องจริง ซึ่งการถูกย้ายของผู้การ
"ถ้ามาจากกรณีหวย 30 ล้าน ตัวผมเองก็ต้องกราบขอโทษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ต้องมาถูกสั่งย้าย เหตุเพราะว่าเรื่องเกิดจากลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ของผมหาย ก็ได้ดินทางไปแจ้งความที่โรงพักโดยได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องกรณีหวย 30 ล้านนี้ ตัวผมเองก็ต้องกราบขอโทษท่านด้วย แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความรู้จักกันเป็นส่วนตัวกับท่าแต่อย่างใด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วทำไมผู้การจึงเข้ามาพูดคุยปัญหาระหว่างหมวดจรูญ กับครูปรีชาได้ ครูปรีชาตอบว่า ที่เขามาคุยครูไม่ได้ทราบนะครับ แต่ว่าของครูคือการไปแจ้งความที่โรงพักเมืองกาญจน์ จากนั้นทางพนักงานสบสวน ก็ได้แจ้งมาที่ครูบอกว่า ทางผู้บังคับการฯขอให้ครูได้ไปเล่าเรื่องราว แล้วก็ให้เอาหลักฐานไปให้ดู ซึ่งครูก็ได้ไปกับพนักงานสอบสวน และก็มีญาติของครูไปด้วย โดยไปที่ที่ทำงานงานของท่านเท่านั้นเอง
ครูปรีชายอมรับเคยพบ ผบก.2 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในหนังสือบางส่วนพบว่ามีการแก้ไขสำนวนในคดีนี้ครูปรีชาพอทราบหรือไม่ว่ามีการแก้ไขแบบไหน ครูปรีชาตอบว่า เรื่องของการแก้ไขสำนวน คือเวลาครูถูกพนักงานสอบสวนให้ไปให้ปากคำ การบันทึกปากคำครูก็ได้ให้ปากคำไปตามความเป็นจริง พนักงานสอบสวนเขาก็ไม่ได้ทำความผิด ส่วนเรื่องสำนวนนั้น ครูก็ยังไม่เห็น ก็คือท่านก็ถามเราในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งครูก็ให้ไปตามความเป็นจริง โดยหลังจากเกิดเรื่องขึ้นมาก็ได้พบกับผู้การฯ 2 ครั้ง ครั้งแรกไปกับพนักงานสอบสวนฯ และครั้งที่ 2 ก็ได้ไปกับญาติ ซึ่งท่านผู้การฯบอกว่าหากมีหลักฐานก็ให้เอาไปให้เพิ่มเติม เพราะว่าทางพนักงานสอบสวนจะเอาไปนำเรียนในเรื่องของสำนวน ซึ่งก็ได้เอาไปให้ที่ทำงานที่ท่านอยู่ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งมาประมาณบ่ายสอง ซึ่งการมาทั้งสองครั้งก็มีพนักงานสอบสวนมาด้วย โดยครั้งแรกที่มาพบประมาณวันที่ 29 พ.ย.60 ครั้งที่สอง ประมาณวันที่ 1 ธันวาคม 2560
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานว่าที่ลิ้นชักของพนักงานสอบสวน มีการถูกรื้อค้นและมีเอกสารบางส่วนหายไป ตรงนี้ครูทราบหรือไม่ ครูปรีชา ตอบว่า ตรงนี้ไม่ทราบเลยครับ และไม่รู้เรื่องเลย เพิ่งมาทราบจากนักข่าวนี่แหละ
เมื่อถามอีกว่าเมื่อมีการรื้อค้นแล้วเอกสารหายไปครูกังวลใจหรือไม่ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี ครูปรีชาตอบว่า ก็ไม่ได้กังวลใจอะไรเพราะว่าเราเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนก็ดำรงในความยุติธรรมอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สำหรับเรื่องการย้ายผู้การนั้นจะส่งผลกระทบต่อรูปคดีหรือไม่ ตอบว่า คือเรื่องของคดีรูปคดีที่ออกมาจะต้องเป็นเรื่องจริง ความจริงก็คือความจริง คดีนั้นก็คือความจริง และหากถึงแม้มีแนวโน้มว่าครูเป็นผู้กระทำผิด ก็ไม่เคยคิดที่จะหนีไปไหน ครูก็สอนหนังสืออยู่ตามเดิม
28ก.พ.ผลออกมาอย่างไรก็สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่ศาล แล้วมาบอกกับพนักงานสอบสวนว่าเห็นครูปรีชา ทำลอตเตอรี่หล่นจริงๆ และยืนยันว่าเป็นเลขนี้จริงๆ ครูปรีชาตอบว่า ตอนนี้ครูไม่ทราบ ครูทราบแต่เพียงว่าพยานของครูมีเพียงแค่นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ้บ้าบิ่น น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ้พัช และ นางปณัญชยา สุขพูล เจ้เกียว เท่านั้น ส่วนพยานอื่นๆนั้นเป็นเรื่องของสำนวน และขณะนี้เป็นเรื่องของคดีความ จึงขอสงวนเอาไว้ก่อน ซึ่งข้อมูลอันไหนให้ได้ครูก็ก็จะบอก สำหรับพยานแวดล้อมนั้นมีอยู่หลายคน ส่วนคนที่ครูแดง นั้นบอกตรงๆ ว่าครูไม่เคยรู้จักเลย
"ไหนๆ นักข่าวก็มาถามครูแล้วก็อยากจะบอกนักข่าวว่า คดีนี้บางครั้งน้ำหนักของคดีไปอยู่ทางโน้นบางครั้งน้ำหนักของคดีก็พลิกกลับมาอยู่ทางนี้ เคยถามหรือไม่ว่าเอาตาชั่งที่ไหนมาชั่ง และถึงแม้นวันที่ 28 ก.พ.นี้ผลจะออกมาอย่างไร ครูก็สบายใจ ถึงแม้กระบวนการของตำรวจ จะมีน้ำหนักไปทางหมวดจรูญ แต่ในเรื่องของกระบวนการศาลก็ต้องเดินหน้าหน้ากันต่อไป ซึ่งก็ต้องมีการฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญากันต่อไป ส่วนเรื่องของพยานและหลักฐานต่างๆก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน ซึ่งเราก็ต้องชี้แจงกับเขาให้ได้ และเราเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจเสมอ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าทราบข่าวว่าครูมีการเตรียมทีมทนายเป็นกุนซือในระดับประเทศจริงหรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า คือจริงๆ แล้วครูได้เตรียมทนายเอาไว้นานแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาเตรียม ทนายก็เป็นผู้ที่ต้องช่วยลูกความ เมื่อเรามีคดีความเราก็อยากได้ทนายที่ดีๆ ที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ในการมาดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกความ ดังนั้น ทนายเองก็ต้องเชื่อมั่นในหลักฐานที่ลูกความมี
ยังยืนยันหวย30ล้านเป็นของครู
อยากจะขอให้ครูยืนยันอีกครั้งว่าหวยชุดนี้เป็นของครูจริงหรือไม่ ครูปรีชา ตอบว่า ครูจะขอตอบเป็นครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมานักข่าวถามครูบ่อยมาก ครูขอยืนยันว่า หวยชุดนี้ มันมีชุดเดียว และครูได้ซื้อมาเรียบร้อยแล้ว รับมาเรียบร้อย และมาหล่นหาย จึงมีการแจ้งความจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ และขอบอกตรงนี้เลยว่า ทุกวันนี้ยังเชื่อมั่นและมั่นใจด้วยว่าหวยชุดนี้เป็นของครูอย่างแน่นอน โดยหลังจากนี้ก็ต้องมาพิสูจน์ทรัพย์กันต่อไปเพราะว่ามันหล่นหาย และหลังจากหล่นหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อลอตเตอรี่หล่นหายทำไมครูไม่ไปแจ้งความ ครูปรีชา ตอบคำถามว่า ขอนำเรียนอย่างนี้นะ ยกตัวอย่างเช่นถ้านักข่าวทำลอตเตอรี่หล่นหาย ก่อนที่หวยจะออก นักข่าวจะไปแจ้งความหรือไม่และถึงแจ้งพนักงานสอบสวนก็คงไม่รับแจ้ง เช่นเดียวกันหลังจากหวยออก เมื่อครูรู้ว่าเราถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 ครูก็ได้ไปแจ้งความ แต่วันนั้นพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความโดยบอกให้ครูไปค้นหาให้ดีๆ เพราะของหายยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง
เมื่อพนักงานสอบสวนบอกอย่างนั้นครูก็กลับไปค้นหาใหม่ แต่ก็ไม่พบ พอวันที่ 2 พ.ย.60 ครูก็มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งวันนั้นพนักงานสอบสวน ลงบันทึกประจำวันให้ และครูก็เดินทางไปแจ้งที่สำนักงานกองสลากฯ แต่ทางนิติกรของกองสลากแจ้งว่า ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เพราะเป็นเพียงแค่ใบลงบันทึกประจำวัน จะต้องเป็นใบแจ้งความเท่านั้นถึงจะดำเนินการตรวจสอบลอตเตอรี่ให้ได้
"ต่อมาวันที่ 3 พ.ย.60 ครูก็มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง พนักงานสอบสวนจึงบันทึกใบแจ้งความให้กับครู และครูก็ได้ไปที่กองสลากฯอีกครั้งหนึ่ง และทางนิติกรกองสลากจึงดำเนินการให้ แต่ต้องใชเวลานานหลายวัน จนกระทั่งวันที่ 28 พ.ย.ทางกองสลากฯจึงแจ้งมาให้พนักงานสอบสวน ทราบว่า มีคนนำสลากรางวัลดังกล่าวไปขึ้นเงินรางวัลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.60 นี่คือที่มาที่ไปของการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ" นายปรีชา กล่าว
"ครูปรีชา"ไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายปรีชา ใคร่ครวญ ที่หน้าบ้านพักเลขที่ 143/22 ทุ่งนา ซ.5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบถามถึงกระแสข่าวคำสั่งย้าย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ประมาณเวลา 08.20 น. ครูปรีชา ได้เดินออกมาจากภายในบ้านเพื่อเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเพื่อจะขับรถออกจากบ้านไปโรงเรียน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นสีหน้าของครูปรีชา ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกวัน
"ทนายลุงจรูญ"ขู่2เจ๊ระวังไลน์ปลอม
วันเดียวกัน ที่กองปราบปราม นายษิทธา เบี้ยบังเกิด ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล คู่กรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ในคดีหวย 30 ล้านบาทได้เดินทางมาเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม (ผบก.ป.) เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
นายษิทธา เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้จากการสืบสวนสอบสวนของคณะทำงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เชื่อว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนสามารถหาผู้ที่กระทำความผิดในการอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลมูลค่า 30 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน ส่วนพยานหลักฐานซึ่งก่อนตนประกาศว่ามีพยานหลักฐานใหม่นั้นเบื้องต้นได้ส่งพยานหลักฐานดังกล่าวให้ชุดสืบสวนสอบสวนแล้ว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่า เจ๊เกียว และเจ๊กุ้ง หนึ่งในพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจะเดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจที่กองปราบปรามนั้น ก็ฝากเตือนไปยังทั้งสองคนว่าให้ระมัดระวัง เพราะเดี๋ยวไลน์ปลอมที่มีอยู่จะหลุดออกมาจนทำให้มีผลต่อรูปคดี
"ขอยืนยันว่าก่อนที่จะขึ้นศาลแพ่งไม่ได้นัดคุยไกล่เกลี่ยใดกับด้านครูปรีชาอย่างที่เป็นกระแสข่าว เคยเจอเพียงครั้งเดียวที่โรงเรียนและตามรายการต่างๆ ซึ่งในส่วนของความชัดเจนขอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นคนแถลงในวันที่ 28 ก.พ."
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวว่า ยืนยันเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีสลากกินแบ่งรัฐบาลมูลค่า 30 ล้านบาทระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล และครูปรีชา ใคร่ครวญ ซึ่งเป็นเอกสารที่ประทับตรา "ลับ" ที่หัวกระดาษไม่ได้หลุด จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้เอกสารหลักฐานดังกล่าวทราบไปถึงคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีผลต่อรูปคดีและการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งไม่ทราบว่าเอกสารดังกล่าวหลุดมาจากหน่วยงานใดที่นอกเหนือจากกองบัญชาการตำรวจกลาง ทั้งนี้อยู่ระหว่างการติดตามว่าเอกสารดังกล่าวหลุดออกมาจากขั้นตอนใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี