จำคุก‘ครูปรีชา’2ปี

ไม่รอลงอาญาคดีร่วมฟ้องเท็จ

ทนายคนใหม่ยื่นขอประกันตัว

ศาลจังหวัดกาญจนบุรี พิพากษา จำคุก “ครูปรีชา” 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีร่วมกันฟ้องเท็จ ที่“หมวดจรูญ”ฟ้องกลับ ต่อสู้คดีหวยอลเวง 30 ล้าน ด้านทนายคนใหม่ เตรียมยื่นขอประกันตัว

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกาญจนบุรีถึงความคืบหน้าคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท โดยเวลา 09.00 น.ศาลจังหวัดกาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชาและ นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัว คดีหมายเลขดำ ที่ อ.2512/2562 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.2461/2564 ในข้อหาหรือฐานความผิด”ร่วมกันเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา”

โดยวันนี้ครูปรีชาได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเองโดยมีทนายความคนใหม่ร่วมเดินทางมาด้วย ขณะที่ นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นทนายความให้ครูปรีชาแล้ว ถึงเดินเข้าไปภายในศาลทันที

ส่วนหมวดจรูญ มาพร้อมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมาถึงศาลโดยมีนางลาวัลย์ วิมูล ภรรยาหมวดจรูญ ลูกสาวและญาติเดินทางมาให้กำลังใจ

ทั้งนี้ ศาลจังหวัดกาญจนบุรีใช้เวลาอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ประมาณ 45 นาที ศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิพากษา จำคุกนายปรีชา ใคร่ครวญ เป็นเวลา 3 ปีโดยไม่รอลงอาญาแต่มีบางประการที่ครูปรีชา ได้ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดให้เหลือ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนทนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความที่ถูกฟ้องด้วย ศาลยกฟ้อง ขณะที่ครูปรีชา พร้อมกับทนายความคนใหม่ กำลังยื่นขอประกันตัว

โดยทนายตั้ม รวมทั้งหมวดจรูญ เดินออกมาจากศาล เพื่อมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

ด้านนายษิทรา หรือ ทนายตั้ม กล่าวภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ให้ความเป็นธรรมกับลุงจรูญ ก่อนหน้านี้แล้วว่าลุงจรูญต้องลำบาก เพราะครูปรีชากับพรรคพวกยื่นฟ้องลุงจรูญในหลายเรื่องวันนี้เป็นคดีแรกที่เราได้ฟ้องกลับครูปรีชา วันนี้ศาลได้มีคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำคุกครูปรีชา3ปี แต่เนื่องจากว่าคำให้การของครูปรีชาบางอย่างพอมีประโยชน์อยู่บ้างศาลจึงลดโทษเหลือจำคุก 2 ปีซึ่งที่จริงแล้วคดีแบบนี้ศาลสามารถมีคำสั่งให้รอลงอาญาได้ แต่คดีนี้ศาลไม่รอลงอาญาโดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากการกระทำของครูปรีชามีลักษณะการกระทำ เป็นขบวนการ เป็นสาเหตุทำให้ความยุติธรรมเกิดความเสียหาย ศาลจึงตัดสินจำคุกครูปรีชา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา

“ตอนนี้ครูปรีชาถูกใส่กุญแจมือแล้ว นำตัวลงไปใต้ทุนศาล ซึ่งก็ต้องรอลุ้น ทำเรื่องการประกันตัวว่า ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ถ้าเกิดศาลพิจารณาแล้วไม่ให้ประกันตัว ครูปรีชาต้องเข้าเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรีวันนี้เลย ผมที่ไปปลูกมาก็ต้องโกน”นายษิทรา ย้ำ

ส่วนกรณีนายวรยุทธ บุญวงศ์คำไสย ทนายความของครูปรีชาที่ถูกฟ้องไปด้วยนั้น ศาลท่านมองว่าข้อเท็จจริง ทุกสิ่งทุกอย่างทนายความได้มาจากครูปรีชา ทนายได้ทำเพียงแค่เรียงคำฟ้องตามที่ครูปรีชาบอกเท่านั้นเอง ศาลจึงยกฟ้องทนายวรยุทธ

ทนายตั้มกล่าวว่า จากการสังเกต หลังจากครูปรีชาทราบคำพิพากษา ดูมีสีหน้าเคร่งเครียด ตั้งแต่ตอนที่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว เพราะว่าศาลย้อนไปตั้งแต่ตอนที่คดีเก่า ที่มีคำพิพากษาและมีพยานต่างๆมากขึ้นด้วยความ ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริง ขัดกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งแนวโน้มออกมาตั้งแต่ต้นๆอยู่แล้ว เพราะว่าคดีหลักที่เราได้มีการสู้คดีกันไป ศาลได้นำมาเป็นหลักฐานสำคัญ และเขียนลงในคำพิพากษาทุกคำ

หลังจากที่ศาลพิพากษาในวันนี้ ยังคงเหลืออยู่อีก 2 คดี เกี่ยวกับเรื่องของพยาน คดีแรกเกี่ยวกับเรื่องการเบิกความเท็จเกี่ยว กับการอายัดเงินของคุณลุงจรูญ คดีนี้มีครูปรีชารวมทั้งเจ๊บ้าบิ่นและเจ๊พัชรวม3 คน เป็นจำเลย อีกหนึ่ง คดีที่ลุงจรูญฟ้องนั้นเป็นพยานที่มีจำนวนมากอาจจะถึงครึ่งตลาดเรดซิตี้ก็เป็นได้ซึ่งพยานเหล่านี้มาให้การในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เราจึงต้องดำเนินคดีให้หมดเพราะมาเบิกความเป็นพยานเท็จ ซึ่งทั้ง 2 คดีที่เหลือจะต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน ส่วนกรณีคดีที่ฟ้องเกี่ยวกับการอายัดเงินลุงจรูญนั้น ครูปรีชา ได้ยอมรับสารภาพไปแล้ว แต่เราก็ต้องสืบพยานอยู่ดี เพราะว่าเจ๊พัดกับเจ๊บ้าบิ่น เขายังสู้คดีกันอยู่

ทางด้าน หมวดจรูญ กล่าวเพียงสั้นๆว่า หลังศาลมีคำพิพากษาออกมา ขณะนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ และรู้สึกพอใจกับคำพิพากษา ถึงตรงนี้ คงไม่มีอะไรฝากไปถึงครูปรีชา แต่ขอบอกว่าใครทำกรรมอะไรเอาไว้ ก็ย่อมรับกรรมกันไปเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งความจริงก็คือความจริง