4 พ.ค.61 ที่สำนักงานการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) นายเยี่ยม ฤาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ได้เชิญประชุมรับฟังความเห็นจากแกนนำเครือข่ายเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรสวนยางทั่วประเทศ กว่า 50 องค์กร
นายเยี่ยม กล่าวยืนยันว่าสถานการณ์ปริมาณยางในปัจจุบันไม่ล้นตลาดโลก ในขณะนี้สต็อกยางโลกมีกว่า 2 ล้านตันถือว่าปกติไม่เป็นผลทำให้ราคายางตก โดยทั่วโลกมีความต้องการใช้ยางปีละ 13 ล้านตันเท่ากับปริมาณผลผลิตได้ทุกปี และประเทศไทยเป็นผู้ผลลิตยางส่งออกอันดับหนึ่ง ส่งออกไปจีน 2 ล้านตัน จากผลิตได้กว่า4 ล้านตันต่อปี ดังนั้นชาวสวนยางต้องจับมือ แก้ปัญหารายได้ตกต่ำ ที่มีสาเหตุไม่สามารถกำหนดราคายางในตลาดโลกได้ เพราะเราขายแต่วัตถุดิบไม่ไปถึงปลายน้ำการแปรรูปเพิ่มมูลค่า สิ่งที่ต้องเร่งอันดับแรกคือแก้ปัญหารายได้ไม่มีความแน่นอน ทำให้ไม่พอดำรงชีพ ซึ่งวันนี้ทุกส่วนต้องมาจับมือร่วมกันทำสิ่งที่ยั่งยืนเป็นประโยชน์สูงสุดกับเกษตกรไทย
"ทุกวันนี้ใต้ถุนบ้านเกษตรกรไม่มียางเหลือ กรีดมาเท่าไหร่ขายได้หมด แต่เดือดร้อนจากราคายางตกมาตลอด เกิดจากประเทศผู้ผลิตกำหนดราคาขายเองไม่ได้ ปล่อยให้นักเกร็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้ากำหนดราคากินส่วนต่าง 15-20 บาทต่อกก.ซี่งทางออก กยท.และสถาบันเกษตรกร ต้องจับมือกัน ตั้งบริษัทร่วมค้ายางพารา ภายในเดือนนี้ กำหนดราคายางแต่ละประเภทโดยดูต้นทุนการผลิตบวกกับส่วนต่างที่เกษตรกรจะได้รับ พร้อมเปิดช่องทางตลาด ส่งไปถึงมือผู้ใช้ยางโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ผมเชื่อมั่นว่าในอนาคตชาวสวนยาง มีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีความเป็นอยู่ดีได้จริง พร้อมกับรัฐส่งเสริมเงินทุน เทคโนโลยี แปรรูป เพิ่มมูลค่าไปสู่อุตสาหกรรมที่เป็นปลายน้ำให้ได้ และหาตลาดมารองรับ ในแนวทางนี้ถ้าเราเดินไปให้ถึงที่สุด ไม่เพียงยางพารา สินค้าเกษตรอื่นๆเช่นเดียวกันจะต้องไปสู่การแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตสินค้าเกษตรทุกชนิด เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นอย่างแน่นอน และธุรกิจการค้าวันนี้ ทุกอย่างผ่านมือถือ ทั้งไม้จิ่มฟันยันเรือรบ โดยบ่ายวันนี้ผมจะหารือกับตัวแทนอาลีบาบา หาแนวทางการระบายสินค้าแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง ผ่านออนไลน์ ผ่านอาลีบาบา มีลูกค้ากว่าพันล้านคน พร้อมกับอีกส่วน กยท.พัฒนาระบบออนไลน์ ของเราเอง ให้มีช่องทางขายสินค้าหลากหลาย ส่วนระบบออฟไลน์ ไปเจรจากับผู้ซื้อ ขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ ทูตเกษตร เจรจาบริษัทยางล้อ ไปทำสัญญาซื้อขาย และหาช่องทางรัฐบาลไทยขายยางแลกสินค้าอื่นกับรัฐบาลประเทศต่างๆ"นายเยี่ยม กล่าว
ด้านนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย(สยยท.)กล่าวว่าฟังแล้วชื้นใจมากที่ได้ฟังผู้ว่าฯบอกว่ายางไม่ล้นโลก ยางยังมีอนาคต ผิดกับผู้ว่าฯคนก่อน ไปบอกนายกรัฐมนตรี ว่ายางล้นตลาดโลก จนนายกฯบอกให้เกษตรกรไปขายยางบนดาวอังคาร ซี่งการได้ผู้นำองค์กรสวนยางที่มีวิสัยทัศน์เป็นสิ่งที่ชาวสวนยางใฝ่ฝันมาร่วมกันต่อสู้มาจนได้ พรบ.การยางแห่งชาติ มาก่อตั้งเป็นการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)แต่ตอนนี้ กยท.กลับนำกฎหมายลูกมาบังคับใช้จากที่คณะอนุกรรมการด้านกฏหมาย คิดเขียนกีดกันเกษตรกรไม่ให้เข้าไม่ถึงการใช้สวัสดิการที่มาจากเงินเซส หรือค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง ที่หักจากยางส่งออกกิโลกรัมละ 2 บาทซึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงของเกษตรกรเอง
"เกษตรกรพร้อมที่จะจับมือกับกยท. แต่คนในกยท.พร้อมหรือไม่ ควรกวาดล้างบ้านให้สะอาดก่อน ยังมีคนข้างๆผู้ว่าฯชอบยุยงให้แตกคอกับเกษตรกร และผู้บริหารกยท. อย่ามีหัวโขนกัน
การใช้พรบ.การยางฯกับเกษตรกร ยังสองมาตรฐานมีชาวสวนยาง บัตรสีเขียว ได้ขึ้นทะเบียนรับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล แต่เกษตรกรบัตรสีชมพูอยู่ในที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ไม่ได้รับสิทธิ การโยกย้ายพนักงานเอาผอ.ในจังหวัดทำงานด้านตลาดไม่เป็น ไปนั่งตลาดกลาง ซี่งส่งผลกระทบโดยตรงกับชาวบ้าน อย่าไปโยกย้ายกันเกินไป ทั้งนี้ขอให้ไปแก้ปัญหาเกษตรกรเข้าไม่ถึงสวัสดิการ อนุ3 รวมทั้งการปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง 8-9 % เกษตรกรหนีไป ธกส .หมด อีกทั้งทราบว่ารักษาการผู้ว่าฯ ไม่มีเงินเดือนได้รับแต่เบี้ยประชุม แต่อดีตผู้ว่าฯที่ถูกเด้งไปนั่งสำนักนายกฯยัง ได้เงินเดือนเต็ม ซึ่งเป็นเงินเดือนที่มาจากเงินเซส จึงขอให้ สตง.เข้าตรวจสอบดูระเบียบให้ดี ปัญหาในกยท.สะสมหมักหมมเยอะเกินไปที่จะแก้ไข โดยเฉพาะประธานบอร์ด กยท.ทำอะไรไว้บ้าง รวมทั้งขอให้ รมว.เกษตรฯ เร่งรีบแก้มาตรา69(6)ให้เกษตรกรเดินทางมาประชุมมีเบี้ยเลี้ยง ให้มีเงินเดินทางมาประชุมกันทุกเดือน ช่วยกันพัฒนาวงการยางยั่งยืน"นายอุทัย กล่าว
นายธีรชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯและประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรสวนยาง กล่าวว่าขอให้ยกเลิกมติบอร์ดกยท.จ้างเอกชน มาทำจัดเก็บเงินเซส ตามด่านทั่วประเทศ และตั้งคณะทำงาน เพื่อให้ดำเนินการ บูรณาการร่วมกับกรมศุลกากร และทุกหน่วยงาน โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างเอกชน จัดเก็บเงินเซสและตั้งคณะทำงานปกป้องการลักลอบยางพาราส่งออกนอกราชอาณาจักร หากทำได้ตามนี้ จะเก็บเงินเซสได้ปีละ 1.2 หมื่นล้านบาท ทุกวันนี้ไดแค่ 7-8 พันล้านบาท และไปแก้ไขให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราไม่มีเอกสารสิทธิ ยังไม่เข้าระบบ ถือบัตรชมพู ได้ถูกริดรอนสิทธิทำกินต่างๆของประกาศกระทรวงทรัพย์
นายธีรชัย กล่าาว่าต้องได้ขับเคลื่อนงานกยท.ภายใต้ พรบ.การยางฯให้เต็มที่ นำโรงรมยาง 4-6 โรง ซื้อยางจากเกษตรกรมาทำให้เต็มกำลังผลิต เป็นสิ่งต้องร่วมกันทำเป็นนำร่อง กระชากราคายางขึ้นมา และการตั้งบริษัทร่วมค้ายางพารา ตนได้คุย รมว.เกษตรฯ ต้องการให้ เหมือน บริษัทอ้อยน้ำตาลไทย ราคาขึ้นลงอย่างไรเกษตรกรทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหาร โดยมี รมว.เกษตรฯดูแล พรบ.ควบคุมราคายาง ป้องกันพ่อค้าข้างถนนซื้อยางกดราคา ใช้วัดค่าเนื้อยางหักทีละ50 สตางค์
ด้านนายบุญส่ง นับทอง ประธานเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ กล่าวว่า วันนี้เกษตรกรลำบากกันมากจาก สภาพราคายางตกมากขนาดนี้ และยางไม่ล้นโลก แม้แต่เศษยางขายได้หมด แต่การกดราคาเพราะพ่อค้าเข้ามาปั่นราคา ดังนั้นหากทำแบบธกส.ให้ชาวนาเก็บข้าวเข้าในยุ้งฉาก ขณะนี้ข้าวราคาดีขึ้น ถ้าเราเก็บยาง 30% ราคาขึ้นแน่นอน หรือหยุดกรีดยาง
ด้านสุนทร รักษ์รงค์ ประธานเครือข่ายคนกรีดยาง กล่าวว่าพรบ.ยางฯเปิดช่องให้กยท.ตั้งบริษัท ขายยาง แต่อย่าให้ข้าราชการไปขายจะสู้เอกชนไม่ได้ ต้องมีหน่วยธุรกิจขึ้นมา จ้างเอ็มดีมาบริหาร ส่วนสวัสดิการในพรบ.ยาง เกษตรกรชายขอบยังใช้ได้ ประสบปัญหาราคาตกต่ำ เข้าไม่ถึงเงินอนุเคาระห์ โดยเฉพาะเกษตรกรถือบัตรสีชมพู ทำสวนยาง4.6 ล้านไร่ 3 แสนครัวเรือน ในที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ พวกเรามาจากม็อบข้างถนนเรียกร้องจนได้มีพรบ.ยางฯ และไม่อยากให้กลับไปใช้เส้นทางเดิมขอให้ดูแลกลุ่มสวนยางชายขอบได้เข้าถึงสวัสดิการของ กยท.ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี