4กระทรวงร่วมทำMOUหนุนใช้ยางพารา

4กระทรวงร่วมทำMOUหนุนใช้ยางพารา

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 17.14 น.

กระทรวงเกษตรฯ จับมือ 3 กระทรวง ลงนาม MOU หนุนใช้ยางพาราในประเทศ เตรียมนำร่องใช้ยางเพื่องานชลประทาน เป็นอันดับแรก

วันนี้ (2 ต.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรฯ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรฯ โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์  รมว.ศึกษาธิการ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายอัครา พรหมเผ่า รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายองอาจ วงษ์ประยูร รมช.ศึกษาธิการ ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วย การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยางพาราในภาครัฐ ระหว่าง กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการยางแห่งประเทศไทย ที่ห้องประชุมธารทิพย์ 01 อาคาร 99 ปี ม.ล.ชูชาติ กำภู กรมชลประทาน สามเสน


ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศ การสร้างเสถียรภาพราคายางพารา และการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางและประชาชน ผ่านการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ยางพาราในรูปแบบต่างๆ 

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ยางพาราไทยนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เป็นรูปธรรม และมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะทำหน้าที่ประสานและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศให้ได้มากที่สุดและต้องมีความยั่งยืน ทั้งการนำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมด้านเกษตร การศึกษา กีฬา การท่องเที่ยว การพัฒนาสังคม โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงขยายการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราในภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมไทย

นอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ ยังวางนโยบายขยายตลาดยางพาราไทย ไปยังเป้าหมายหลักในหลายประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างประเทศจีน ควบคู่ไปกับการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศ ทั้งนี้ กระบวนการดำเนินงานภายใต้ MOU จะมีการรับซื้อและเปลี่ยนยางรถยนต์ที่จะให้ใช้ยางของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เท่านั้น โดยลำดับแรกจะเร่งออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง และยังมีกระบวนการอื่นๆ ที่ต้องดำเนินการให้หน่วยงานภาครัฐเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ยางพาราจากของ กยท. เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

“ความร่วมมือ 4 กระทรวง ครั้งนี้ จะช่วยสร้างเสถียรภาพราคายาง ลดพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบ และสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่พี่น้องชาวสวนยาง ตลอดจนช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยางพาราไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ที่สำคัญ คือ การร่วมมือกันของทุกภาคส่วน จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนางานยางพาราทั้งระบบ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของไทยให้มีความยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ภายหลังลงนาม MOU แล้ว การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมรับซื้อน้ำยางสดทันที เพื่อส่งไปยังโรงงานในกำกับใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมยางล้อ และใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตท่อ และทุ่นลอยน้ำเพื่อใช้ในงานระบบระบายน้ำชลประทาน ซึ่งจะเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในตลาดและทำให้ราคายางขยับสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน ในส่วนความร่วมมือจากกระทรวง พม. เตรียมแผนนำยางไปใช้ผลิตเป็นไม้เท้าสำหรับผู้พิการทางสายตา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ นำยางไปผลิตเป็นอุปกรณ์กีฬา และของชำร่วยสำหรับนักท่องเที่ยว ขณะที่กระทรวงศึกษาฯ เตรียมแผนนำไปผลิตเป็นหมอนยางพาราเพื่อใช้ในโรงเรียนประจำ รวมถึงผลิตเป็นอุปกรณ์ใช้ในการศึกษาอีกด้วย” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ขับเคลื่อนนโยบายทันที โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการเครือข่ายงานวิจัย ทดสอบและวิเคราะห์คุณภาพ ระหว่าง การยางแห่งประเทศไทย กับกรมชลประทาน เพื่อเผยแพร่ ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านงานวิจัย และบูรณาการงานวิจัยร่วมกัน ซึ่งเน้นการศึกษาคุณสมบัติ วิเคราะห์ และพัฒนาวัสดุที่มีส่วนผสมของยางเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานด้านชลประทาน

015

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top