116ปี"กรมชลฯ" วางเป้าใน20ปีก้าวสู่องค์กรน้ำอัจฉริยะของประเทศไทย นำเทคโนโลยีแม่นยำสูง บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพผลิตยกระดับรายได้เกษตรกรยั่งยืน พร้อมเปิดโครงการต้นกล้าพันธุ์ใหม่ สร้างเยาวชนเข้าภาคเกษตร แจกทุนเรียนฟรีปีละ10ทุน
13 มิ.ย.61 ที่ศูนย์ปฎิบัติการน้ำอัจฉริยะ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดงาน เสวนา “ต้นกล้าพันธุ์ใหม่ ทางรอดเกษตรไทยในยุคประเทศไทย 4.0” จัดโดยสมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมชลประทานในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายในงานวันคล้ายวันสถาปนา 116 ปี พร้อมเดินชมงานและได้ทดลองใช้เทคโนโลยีนวตกรรมใหม่ๆจัดการด้านน้ำ ที่นำมาแสดงโชว์ในงานที่มี นักเรียน นักศึกษา ประชาชนเข้ามาดูงานจำนวนมาก
นายทองเปลว กล่าวว่า การให้อาชีพเกษตรกรรมไทยมีความยั่งยืน ไม่เพียงแต่การพัฒนาเยาวชนที่เป็นบุตรเกษตรกร และการบริหารจัดการน้ำชลประทานตามยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี ก้าวสู่องค์กรอัจฉริยะด้านน้ำของประเทศ ซี่งต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนในการพัฒนาเกษตร 4.0 เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจทำเกษตรกรรม เห็นคุณค่าของน้ำชลประทาน มีความเข้าใจ และเป็นหุ้นส่วนร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำในอนาคต รวมถึงแนวคิดการตลาดนำการผลิต มาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนให้กิจกรรมการเกษตรเกิดความก้าวหน้าทันยุคสมัย เสมือนหนึ่งเป็นฟันเฟืองรุ่นใหม่ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพการเกษตรของประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยจะผลิตบุคลากรที่มีศัยกภาพมารองรับ และขยายกองทุนต้นกล้า ให้ทุนนักศึกษาเรียนฟรีด้านการเกษตร และชลประทาน ปีละ 10 ทุน
ด้าน นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ ที่ปรึกษา รมช.เกษตรฯ ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษวิทยาลัยการชลประทาน กล่าวว่า การก้าวขึ้นเป็นองค์กรอัจฉริยะด้านน้ำของประเทศไทย พร้อมกับการเกษตรก้าวไปยุค 4.0 มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องใช้เรื่องเทคโนโลยีชั้นสูง ที่มีความแม่นยำสูงมาช่วยบริหารจัดการน้ำให้ประชาชน และเพื่มประสิทธิภาพผลผลิตให้เกษตรกรไทย เช่น โดรน ดาวเทียม ระบบเซนเชอร์ วัดค่าความชื้นในดิน การเตือนภัยด้วยแอพพิเคชั่นต่างๆ สิ่งสำคัญคือคนกระทรวงเกษตร จำเป็นมากต้องเร่งปรับตัว ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิตัล เขียนแผนพัฒนาการเกษตรเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 จะมาแย่งงานพัฒนาเกษตรกรเกรดเอเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกรมชลประทาน ต้องปรับตัวมากในอนาคตจะมีกฎหมายเก็บภาษีน้ำ เกิดการถ่ายโอนงานต่างๆมากขึ้น ดังนั้นการเดินหน้าเป็นองค์กรอัจฉริยะ การใช้โดรน การจัดการน้ำ คำนวนวิเคาระห์ ซึ่งการใช้โดรนเพื่อการเกษตร จะมากถึง 32.4% ของการใช้โดรนในโลกนี้
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันหลังให้ภาคเกษตร เพราะขาดแรงจูงใจ ไม่ใช่อาชีพที่สร้างรายได้ ดูจากรายได้เฉลี่ยต่อหัวภาคเกษตรลดลง ห่างจากภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้ภาคเกษตรไม่มีอนาคต แต่ว่าขณะนี้มีแสงสว่างปลายอุโมงค์ มีกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ใช้ความรู้เทคโนโลยีมาทำการเกษตร ใช้ช่องทางออนไลน์ค้าขายสินค้าเกษตร แต่ยังมีเรื่องต้นทุนการผลิตที่เราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทางออกภาคเกษตรไทยคือเทคโนโลยี ต้องท่องไว้เลย นี่คือความท้าทายยุค 4.0 การใช้โดรนในการทำเกษตร มีระบบเซนเซอร์ มีดาวเทียม สิ่งสำคัญทำอย่างไรที่จะให้เทคโนโลยีมาสู่กลุ่มเกษตรกรที่สูงอายุ และเป็นรายเล็ก ยกตัวอย่างกลุ่มเกษตรกรหนองสาหร่าย จ.กาญจนบุรี มีปัญหาข้าวผลิตต่ำมาก มีแมลงเพลี้ยระบาด ตอนนี้มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปให้ความรู้ให้ปลูกข้าวพร้อมกัน ใช้โดรนถ่ายภาพ ติดตามระบาดของเพลี้ย สามารถแก้โดยการหยุดใส่ปุ๋ยยูเรีย เพียงสองฤดูผลผลิตเพิ่มเป็น 1.1 พัน กก.ต่อไร่ ยังใช้ระบบเซนเซอร์วัดความชื้นในดินรู้ว่าจะให้น้ำเมื่อไหร่ ซี่งการปรับตัวอย่างนี้ระบบราชการไทยทำไม่ได้ เพราะเคยชินกับใช้สูตรเดียวทั่วประเทศ ดังนั้นต้องปรับวิธีการคิด และเปลี่ยนแนวจัดการ เช่นการแก้ปัญาหาชลประทาน ต้องการจัดการกับความต้องการใช้ให้สมดุลทุกส่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี