ทุเรียน เป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ มีศักยภาพในการส่งออกสูงและเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง จังหวัดชุมพร เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการปลูกทุเรียนกันมาก มีพื้นที่ปลูกประมาณ 164,099 ไร่ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่พบมากที่สุดของการทำสวนทุเรียน คือโรครากเน่าโคนเน่า ที่นับเป็นปัญหาสำคัญของคนปลูกทุเรียนมาโดยตลอด
นายประสงค์ ประไพตระกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยถึงสถานการณ์ของโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียนว่า พื้นที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่หนึ่งที่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนต้องเผชิญกับปัญหาโรครากเน่าโคนเน่าที่ระบาดหนัก เพราะอากาศแปรปรวนมีความชื้นสูง รวมทั้งการบริหารจัดการที่ยังไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จนสวนทุเรียนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เกษตรกรหลายรายมีความคิดว่าจะโค่นต้นทุเรียนทิ้ง เพื่อไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทนก็มี กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรอำเภอท่าแซะ ได้ส่งเสริมแนะนำให้เกษตรกรใช้ “เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า” ในการควบคุมโรคพืช เนื่องจากเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเป็นเชื้อราปฏิปักษ์หรือเชื้อราที่เป็นศัตรูต่อเชื้อสาเหตุโรคพืชหลายชนิดได้ จึงช่วยทำลายเชื้อราไฟทอฟธอราซึ่งเป็นสาเหตุของโรครากเน่าโคนเน่าในดินให้มีปริมาณลดลง ช่วยให้รากที่มีอยู่เดิมหรือรากที่แตกใหม่ไม่ให้เชื้อราไฟทอฟธอราเข้าไปทำลายได้ เชื้อราไตรโคเดอร์ม่ายังมีส่วนช่วยให้พืชเกิดความต้านทานต่อเชื้อโรค ที่สำคัญเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเป็นสารชีวภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย
กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้ไตรโคเดอร์ม่าป้องกันโรคพืชแทนการใช้สารเคมี อีกทั้งส่งเสริมให้รวมกลุ่มกันผลิตไตรโคเดอร์ม่าไว้ใช้เอง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมโรคพืชได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรนิยมใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช แต่พบว่าการใช้สารเคมีนอกจากราคาแพงส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ยังก่อให้เกิดมลภาวะตามมาอีกด้วย และเกิดความไม่ปลอดภัยต่อผลผลิตมีสารตกค้าง รวมถึงความไม่ปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรและผู้บริโภคด้วย
นางจิรนุช ชาญณรงค์กุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ชีวภัณฑ์ โดยเฉพาะเชื้อที่เป็นจุลินทรีย์ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชและโรคพืชได้รับความนิยมจากเกษตรกรในยุคปัจจุบันค่อนข้างมาก เนื่องจากต้นทุนถูกกว่าสารเคมี และยังสามารถผลิตได้เอง มีความปลอดภัยสูง ซึ่งการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเพื่อป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่กรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนให้เกษตรกรนำไปใช้ เพื่อลดต้นทุน ลดความเสียหายของผลผลิต และเพิ่มมูลค่าให้กับทุเรียนได้เป็นอย่างดี นอกจากการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสารชีวภัณฑ์ไว้ใช้เองแล้ว ทางกรมส่งเสริมการเกษตร ยังมีมาตรการควบคุมมาตรฐานการผลิตสารชีวภัณฑ์ที่กลุ่มเกษตรกรผลิต เพื่อให้ได้มาตรฐานสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการสุ่มตัวอย่างนำไปตรวจเป็นระยะ 2-3 เดือนครั้ง รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ หรือจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช ที่อยู่ในพื้นที่คอยลงพื้นที่ให้คำแนะนำในการผลิตและใช้สารชีวภัณฑ์อย่างถูกต้องเหมาะสมตลอดเวลา
ด้านนางสำเนียง สุขเนาว์ เจ้าของแปลงต้นแบบการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน บ้านบางฝนตก หมู่ 18 ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร เล่าว่า ตนมีพื้นที่ปลูกทุเรียนอยู่ 15 ไร่ หลายปีก่อนประสบปัญหาโรครากเน่าโคนเน่าทำลายต้นทุเรียนเกือบทั้งหมด ตอนนั้นทำยังไงก็ไม่หายใช้สารเคมีก็ไม่เป็นผล เชื้อราไฟทอฟธอราทำลายต้นทุเรียนเป็นแผลตั้งแต่ข้างบนยอดลงมาถึงโคนต้น ใบเหี่ยวเฉา ลูกไม่สมบูรณ์ จนคิดว่าทุเรียนต้องตายหมดสวนแน่ๆ จึงคิดที่จะโค่นทุเรียนไปปลูกปาล์มน้ำมันแทนแล้ว พอดีมาเจอกับเกษตรอำเภอท่าแซะ คุณสว่าง โกดี ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว เข้ามาแนะนำมาอบรมถ่ายทอดความรู้ ให้รู้จักเชื้อไตรโคเดอร์ม่า ว่าสามารถแก้ปัญหาโรครากเน่าโคนเน่าได้ ซึ่งตอนแรกลูกชาย นายอรุณวิชญ์ สุขเนาว์ ไม่เชื่อเลย แต่ตนคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็เลยลองทำ โดยทั้งหว่านรอบโคนต้น ฉีดลำต้น ทรงพุ่ม ฉีดทุก 15 วัน พอผ่านไปประมาณ 6 เดือน สภาพต้นทุเรียนที่เหมือนจะตายเริ่มฟื้น เมื่อเห็นผลอย่างนั้นก็ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าป้องกันกำจัดโรคในสวนทุเรียนมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกว่า 4 ปีแล้ว และก็ยังจะใช้ต่อไป รวมทั้งอยากเชิญชวนให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาหันมาใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนสารเคมี เพราะไม่เพียงช่วยลดต้นทุน ยังปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรและผู้บริโภค
ปัจจุบันแปลงของนางสำเนียง สุขเนาว์ และลูกชาย ถูกยกให้เป็นแปลงต้นแบบการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียนที่ประสบความสำเร็จเห็นผลอย่างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่การขยายผลการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าอย่างกว้างขวางของพื้นที่จังหวัดชุมพร
ตัวอย่างเช่น นายสุนันท์ เพชรทอง เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน (สวนลุงนุ้ย) หมู่ 7 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ เป็นแปลงขยายผลการเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียนและยังใช้กับพืชอื่นที่ปลูกแบบผสมผสาน หรือสวนสมรม บนพื้นที่ 50 ไร่ ใช้วิธีการฉีดพ่นและโรยโคนต้น รวมถึงมีการนำเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าไปปิดปากแผลตามลำต้น ช่วยให้โรคและแมลงลดลง ผลผลิตได้มากขึ้น ซึ่งที่สวนลุงนุ้ยสามารถผลิตทุเรียนคุณภาพ มีระบบจัดการสินค้าทุเรียนให้มีมาตรฐานตรวจสอบย้อนกลับได้ด้วย QR code การันตีคุณภาพสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเกษตรที่สำคัญของอำเภอท่าแซะด้วย
ขณะที่นายสุรพศ สุวรรณรักษา ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ ในฐานะผู้ประสานงานของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ต.หงษ์เจริญ กล่าวว่า ตนและเกษตรกรในพื้นที่ เป็นชาวสวนผู้ปลูกทุเรียนที่ประสบปัญหาต้นทุเรียนตาย ผลผลิตเสียหายจากโรครากเน่าโคนเน่า จึงได้มารวมกลุ่มกัน สมาชิก 42 ราย เพื่อมาช่วยกันผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์ม่า นำไปใช้ป้องกันโรคในสวนทุเรียน ซึ่งผลจากการดำเนินการพบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่าการใช้สารเคมี ทำให้สมาชิกในกลุ่มมีความเชื่อถือในการทำอาชีพแบบยั่งยืน ลดรายจ่ายได้เยอะ อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพของชาวบ้านอีกด้วย ปัจจุบันสมาชิกได้นำไปใช้กว่า 70% ของจำนวนสมาชิก ครอบคลุมพื้นที่สวนทุเรียนกว่า 400 ไร่ และมีแนวโน้มที่จะขยายผลการใช้ไปสู่พื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียงคิดเป็นพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่
สำหรับเกษตรกรท่านใดที่สนใจเรื่องการใช้สารชีวภัณฑ์ป้องกันโรคพืช สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) ใกล้บ้าน หรือที่หน่วยงานของกรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี