9 ก.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) น.ส.ปรวิศา รุ่งเรืองวิโรจน์ หรือเจ๊ติ้ง ภรรยา นายศรศักดิ์ สวนแก้ว หรือ "ศร อิจฉา" นักร้องดัง และนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) , นายคณนาถ คะชะนา รองประธาน ส.ปอ.ท.ฝ่ายตรวจสอบและอำนวยความเป็นธรรม , นายธนาพิพัฒน์ ชัยธนาธนธัต ที่ปรึกษา ส.ปอ.ท.และผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อประธาน กสม.เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม จากกรณีกลุ่มผู้เสียหายได้รับผลกระทบจากการถูกคัดทะเบียนราษฎร์ และข้อมูลทะเบียนประชาชน เพื่อการนำไปขาย หรือแจกจ่าย
น.ส.ปรวิศา อ้างว่าข้อมูลของพวกตนถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐประมาณ 10 หน่วยงาน เข้ามาล้วงข้อมูลคัดจากทะเบียนราษฎร์ของพวกตน และได้นำไปให้ขบวนการเพจอวตาร หรือเพจไร้ตัวตนตามสื่อโซเชียล เพื่อใช้ด่าคนใหญ่คนโตบ้านเมือง และลงข้อมูลบิดเบือนข่าวสารสังคม คุกคามบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมโซเชียลที่มีความเห็นต่าง โดยมีการร่วมขบวนการร่วมมือจากข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีบัตร และรหัสเข้าถึงข้อมูลประชาชน ส่งต่อให้บรรดาเพจอวตารไร้ตัวตนเหล่านี้ ซึ่งเหตุการณ์ปรากฏชัดเจนตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และมีผู้เสียหายบางรายต้องตายในคุกมาแล้ว ซึ่งเหยื่อในกรณีนี้มีทั้งคนดังในสังคมและเพจกลุ่มที่มีสมาชิกจำนวนมากโดนโจมตีอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเดินทางไปแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับถูกเพิกเฉย
นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า บุคคลที่จะเข้าไปดูข้อมูลจากบัตรประชาชนได้นั้น ถ้าในระดับจังหวัดต้องมีตำแหน่งตั้งแต่ปลัดอำเภอ กับในส่วนสถานีตำรวจทุกแห่งนั้นจะมีตำแหน่งระดับสารวัตรขึ้นไป และจะต้องมีมีส่วนในการทำคดีเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ หรือคดีอาญาที่บุคคลนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องเท่านั้น ทั้งนี้ แม้เจ้าตัวเจ้าของข้อมูลจะเกี่ยวข้องคดีแต่หากไม่ได้ยินยอมให้เผยแพร่นั้น จะเป็นการทำผิดพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร และยังผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 อีกด้วย ส่วนวันนี้สหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ต้องมาร่วมร้องเรียนร่วมกับประชาชนผู้ที่เสียหายจากการถูกนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์ออกมาใช้และเผยแพร่ เนื่องจาก ส.ปอ.ท.ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลข้อมูลดังกล่าวได้รับความเสียหาย เพราะจะถูกกระทบความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือในการทำงาน
ด้าน นายคณนาถ กล่าวว่า กรณีนี้ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐจากหลายหน่วยงานได้นำข้อมูลคัดทะเบียนราษฎร์ไปขาย และจากที่ทาง ส.ปอ.ท.ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบหลังกลุ่มผู้เสียหายได้มาขอให้ช่วยเหลือ จึงทราบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเข้าไปดูข้อมูลทะเบียนราฎร์ของประชาชนแทบจะทุกๆ 2 นาที ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้เพราะข้อมูลที่ได้จะทราบที่อยู่และนำไปสู่การคุกคาม ข่มขู่ กระทบความปลอดภัยในชีวิต ดังนั้น พวกเราจึงจำเป็นต้องมาขอพึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
ขณะที่ นายกฤษฎา งามสินจำรัส ผู้อำนวยการกลุ่มงานคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 3 เป็นตัวแทนมารับเรื่อง โดย นายกฤษฎา กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดความเสียหาย เบื้องต้นคาดว่าเข้าข่ายเป็นการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการเรียกผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มผู้ร้องยื่นเอกสารต่อ กสม.แล้ว ได้เดินทางต่อไปยัง บก.ปปป.ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี