‘กสม.’ประกาศรางวัลคลิปสั้น‘ฮักบ่Hate’ วงเสวนาขอสังคมลดสื่อสารสร้างเกลียดชัง-เพิ่มกฎหมายครอบคลุม

‘กสม.’ประกาศรางวัลคลิปสั้น‘ฮักบ่Hate’ วงเสวนาขอสังคมลดสื่อสารสร้างเกลียดชัง-เพิ่มกฎหมายครอบคลุม

วันพุธ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567, 19.20 น.

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ประเทศไทย TikTok Thailand บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัย ประเทศไทย จัดเสวนาหัวข้อ “ฮักบ่Hate พื้นที่ออนไลน์ที่ปลอดภัยเพื่อการสื่อสารที่ไม่ใช้ความรุนแรง” โดย น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวเปิดงานว่า การสื่อสารที่สร้างความเกลียดชัง หรือ Hate Speech ในสังคมไทย เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนและทุกสถาบันทางสังคมต้องให้ความสำคัญ

โดยเฉพาะการสื่อสารในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทุกคนต่างมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่มักพบสถานการณ์การสื่อสาร ทั้งด้วยข้อความ คำพูด หรือแม้แต่รูปภาพ ที่แสดงถึงการเหยียดหยาม ใส่ร้ายป้ายสี ดูถูก รวมถึงการยุยง ปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกลุ่มบุคคล ในประเด็นต่าง ๆ ที่อ่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ชาติพันธุ์ ภาษา รูปลักษณ์ เพศสภาพ อาชีพ หรือแม้แต่อุดมการณ์ความเชื่อของบุคคล


“Hate Speech จึงเป็นบ่อเกิดความเสียหาย อับอาย ลดทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งผู้ถูกกระทำในหลายกรณีได้รับผลกระทบทางจิตใจ และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าห่วงใยที่สุดในสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ สังคมจึงต้องร่วมมือกันผลักดันให้เกิดการสื่อสารที่สร้างสรรค์เพื่อให้พื้นที่ออนไลน์เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจาก Hate Speech สำหรับทุกคน” น.ส.พรประไพ กล่าว

ขณะที่ นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเสวนา เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2565-2566 มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการสื่อสารที่สร้างความเกลียดชัง หรือ Hate Speech เข้ามายัง กสม. ราว 30 เรื่อง มีทั้งการดูหมิ่นเหยียดหยาม ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การข่มขู่คุกคาม โดยกรณีที่หลายคนน่าจะจำกันได้ คือกรณีแอปพลิเคชั่นคลับเฮาส์ ที่มีการเปิดห้องสนทนาแล้วมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะดูหมิ่นคนอีสาน และ กสม. ก็ได้ให้ข้อสรุปจากการตรวจสอบแล้วว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน

“เรามีข้อเสนอแนะถึงหลายส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการสร้างความตระหนัก เรื่องที่เราจะใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์อย่างไร มีข้อเสนอไปที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ขอให้มีบทบาทสนับสนุนในเรื่องการสร้างความตระหนักในเรื่องนี้ มีการพูดถึงเรื่องเชิงกฎหมายอยู่ด้วยเหมือนกัน วันนั้นเราก็คุยกันว่าเรื่องเกี่ยวกับ Bullying เรื่อง Hate Speech เรื่อง Grooming หรือ Sextortion ภัยออนไลน์อีกหลายอย่างที่กฎหมายอาจยังไม่ครอบคลุม ควรมีกฎหมายอย่างไรหรือไม่ ก็มีข้อสรุปว่าควรจะมีบางส่วน” นายวสันต์ ระบุ

ด้าน น.ส.ศรีดา ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า มีความพยายามเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่กลไกรัฐสภาเพื่อจัดการกับภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ๆ อาทิ การกลั่นแกล้งรังแกทางออนไลน์ (Cyberbullying) ซึ่งความหมายเดิมคือต้องเป็นการกระทำซ้ำๆ จนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ แต่บางครั้งก็พบว่าถูกกระทำเพียงครั้งเดียวถึงขั้นจบชีวิตตนเองก็มี จึงเสนอเข้าไปในร่างกฎหมายด้วย

การติดตามกันทางออนไลน์ (Cyberstalking) ที่ผ่านมาพฤติกรรมลักษณะนี้คือการไปดักรอเป้าหมายตามสถานที่ต่างๆ จนทำให้เป้าหมายรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ปัจจุบันพบกรณีคู่รักที่เลิกรากันไปแล้วยังมาคอยทักในสื่อสังคมออนไลน์ กดส่งสติ๊กเกอร์ บอกว่ารู้นะว่าอยู่ที่ไหน ใช้ข้อมูลที่ได้จากทางออนไลน์มาทำให้เป้าหมายหวาดกลัวไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่กฎหมายปัจจุบันยังไม่ครอบคลุม โดยยังจำกัดอยู่แต่เพียงการติดตามที่ต้องมาปรากฏตัวให้เห็นเท่านั้น

การล่อลวงเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ (Grooming & Sexting) ตามกฎหมายปัจจุบัน ความผิดเกี่ยวกับเพศจะเป็นเรื่องข่มขืน กระทำอนาจาร พรากผู้เยาว์ ซึ่งเป็นความผิดที่ผู้กระทำต้องถูกเนื้อต้องตัวเหยื่อ แต่ปัจจุบันพบการล่อลวงให้เด็กแสดงพฤติกรรมทางเพศผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ส่งสื่อลามกให้เด็กดูแล้วชักชวนให้เด็กลองทำตามพร้อมเปิดกล้องโชว์ แล้วบันทึกภาพหรือคลิปวีดีโอไว้ จากนั้นนำไปแชร์หรือขายต่อ ซึ่งปัจจุบัน ความผิดฐานเผยแพร่สื่อลามกตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยังจำกัดเพียงการเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นวงกว้าง ไปไม่ถึงการส่งแบบส่วนตัว

รวมถึงการขู่กรรโชกเรื่องเพศ (Sextortion) หมายถึงการล่อลวงให้เหยื่อแสดงพฤติกรรมทางเพศผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วบันทึกภาพหรือคลิปวีดีโอไว้สำหรับนำมาข่มขู่เหยื่อให้ถ่ายภาพ-ถ่ายคลิปเพิ่ม หรือบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งกฎหมายที่มีอยู่เอาผิดได้เฉพาะการขู่กรรโชกเรียกเงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น โดยปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรได้รับหลักการแล้ว อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น และขอยืนยันว่าหลายประเทศมีกฎหมายทำนองนี้แล้ว แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และฟิลิปปินส์

“เดี๋ยวสภาปิดเมษา แล้วเปิดอีกทีกรกฎา ก็หวังว่าอันนี้จะเข้าพิจารณาเร็ว เพราะจริงๆ แล้วกระบวนการทางกฎหมายคือต้องเข้าสภาหลายรอบ มีการโหวตนั่นโน่นนี่ สภา สส. ไปวุฒิสภาอีก กว่าที่จะรับรองและลงพระปรมาภิไธยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เร็วๆ มีคนบอกว่า 18 เดือน ในขณะที่ยังมีเคสทุกวัน” น.ส.ศรีดา กล่าว

ภายในงานยังมีการมอบรางวัลการประกวดคลิปสั้น TikTok แคมเปญ “ฮักบ่Hate” ซึ่งมีการเปิดรับผลงานระหว่างวันที่ 7 ก.พ. – 8 มี.ค. 2567 และมีเยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปร่วมส่งผลงานที่เป็นการแบ่งปันมุมมอง ความเข้าใจ และความตระหนักต่อเรื่องการสื่อสารที่ไม่สร้างความเกลียดชัง เข้าร่วมการประกวดราว 200 คลิป โดยมีผู้ได้รับรางวัลเกียรติบัตรพร้อมเงินรางวัล รางวัลละ 10,000 บาท รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล ดังต่อไปนี้

รางวัลคลิปวิดีโอคุณภาพ จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ (1) ผลงานเรื่อง “เรียนรู้ เข้าใจ ไม่สร้าง #HateSpeech” โดย เด็กหญิงวรกมล  ไหมเพ็ชร (2) ผลงานเรื่อง “ครูกะเทย” โดย นายธรินทร์ญา  คล้ามทุ่ง และ (3) ผลงานเรื่อง “หยุด Hate Speech วาทะสร้างความเกลียดชัง” โดย นางสาววัชโรบล  แก้วสุติน

รางวัลยอดรับชมสูงสุด จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ (1) ผลงานเรื่อง “ร่วมด้วยช่วยกันนะคะ เราหยุดเขาก็หยุด” โดย นางสาวจิดาภา  เข็มเพ็ชร และ (2) ผลงานเรื่อง “ไม่ว่าเราจะเป็นเพศอะไร ยังไง ก็ขอแค่ให้เราเป็นคนดี และไม่ต้องคิดและสนใจกับคำพวกนั้น” โดย นายดลวีย์  คำประดิษฐ และรางวัลถูกใจกรรมการ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ ผลงานเรื่อง “คำพูดที่แม้แต่ตัวเองยังไม่ชอบ ก็อย่ามอบมันให้คนอื่น” โดย นายไชยวุฒิ มณีวรรณ

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามรับชมผลงานของผู้ได้รับรางวัลและผู้เข้าร่วมการประกวดได้ที่ TikTok : สำนักงาน กสม. (@nhrc_thailand)

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top