แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ศัตรูตัวร้ายในแปลงนาจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการแก้ไขปัญหาด้วยระบบการปลูกข้าวใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งผลให้สถิติการแพร่ระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่มีการระบาดรุนแรงในปี 2552 ที่ทำลายผลผลิตข้าวไปไม่ต่ำกว่า 2.3 ล้านไร่ โดยในปี 2555 พบการระบาด 1.5 ล้านไร่ และในปีนี้พบการระบาดประมาณ 30,000 ไร่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจะหมดไปอย่างสิ้นเชิง
นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า จากการติดตามศึกษาสภาพการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ศัตรูข้าวตัวสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชาวนาไทยอย่างมาก จะมีการกลับมาระบาดสร้างความเสียหายเป็นระยะ เนื่องจากการทำนาของชาวนาในปัจจุบันมีการปลูกข้าวมากขึ้นและต่อเนื่องทั้งปี ไม่มีการพักนา ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ข้าวมากเกินไป ปลูกข้าวพันธุ์เดียวกันต่อเนื่องเกิน 6-8 ฤดูปลูก และใช้สารเคมีไม่ถูกต้อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการแพร่ระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ซึ่งตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ที่ถูกเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลทำลายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านไร่ ทำให้ผลผลิตข้าวเสียหายเฉลี่ย 60% คิดเป็นมูลค่าเสียหายรวม 26,000 ล้านบาท
ฉะนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูนาปีชาวนาเริ่มทำนากันแล้ว กรมการข้าว ได้กำหนดกลยุทธ์การควบคุมด้วยมาตรการทางวิชาการควบคู่กับมาตรการเชิงรุก คือ “ 1 ลด 2 งด 3 เพิ่ม” ประกอบด้วย 1 ลด คือ ลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว ให้เหลือ 15-20 กก.ต่อไร่ เพราะจากเดิมที่เกษตรกรนิยมใช้วิธีหว่านใช้อัตราเมล็ดพันธุ์เฉลี่ยอยู่ที่ 25-40 กก.ต่อไร่ ซึ่งหนาแน่นเกินไปและเป็นแหล่งอาหารและขยายพันธุ์ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างดี กรมการข้าวขอแนะนำให้เกษตรกรหันมาใช้วิธีทำนาดำหรือนาโยน ที่ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยกว่าแถมช่วยลดต้นทุนได้ไร่ละ 300 บาท
2 งด คือ งดใช้สารเคมีกำจัดแมลงในระยะข้าวอายุน้อยกว่า 40 วัน เนื่องจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจะมาเริ่มวางไข่แต่ยังไม่มีการทำลาย ฉะนั้นช่วงนี้ศัตรูธรรมชาติในแปลงนา เช่น ตัวห้ำ แตนเบียน จะกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยวิธีธรรมชาติ อีกหนึ่งงด คือ งดใช้อบาเม็กตินและไซเพอร์เมทรินในนาข้าว เนื่องจากสารเคมีสองชนิดนี้เป็นอันตรายอย่างมากและมีฤทธิ์ฆ่าทุกอย่างไม่เพียงแต่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ยังฆ่าศัตรูธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ในแปลงนาด้วย
สำหรับ 3 เพิ่มนั้น ประกอบด้วย เพิ่มการปลูกข้าวพันธุ์ต้านทาน ซึ่งกรมการข้าวมีการรับรองพันธุ์ข้าวที่มีความต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น พันธุ์ กข 47 กข 49 และในเร็วๆ นี้จะมีพันธุ์ข้าวที่มีความต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ดีกว่าเดิมออกมาให้กับพี่น้องชาวนาเป็นทางเลือก ส่วนเพิ่มที่สองคือเพิ่มการปลูกพืชมีดอกบนคันนาเพื่อรักษาสมดุลทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวทางที่นำต้นแบบมาจากประเทศจีนที่มีการแพร่ระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แล้วเขาแก้ด้วยการสร้างระบบนิเวศน์บนคันนา ปลูกพืชให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ของศัตรูธรรมชาติ ที่สำคัญคือเพิ่มที่สาม เพิ่มการสำรวจตรวจเยี่ยมแปลงนาอย่างสม่ำเสมอหรือใช้กับดักแสงไฟ ถ้าเกษตรกรลงตรวจสอบพื้นที่ปลูกข้าวบ่อยๆ เมื่อเจอเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลก็จะสามารถตัดสินใจในการดูแลหรือหาทางแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
นายชัยฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากมาตรการที่กล่าวมาข้างต้น กรมการข้าว ยังมีมาตรการปฏิบัติการเชิงรุก คือ การตั้งหมู่บ้านนำร่องปลอดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยคัดเลือกหมู่บ้านที่มีปัญหาการระบาดรุนแรงและเป็นพื้นที่ศูนย์ข้าวชุมชนจังหวัดละ 5 หมู่บ้าน ใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี นครนายก และชัยนาท รวม 15 หมู่บ้าน โดยมีชาวนาอาสา 75 คน เป็นแกนนำถ่ายทอดเทคโนโลยีและร่วมทำแปลงเรียนรู้ การใช้เครื่องมือและเก็บข้อมูล เพื่อติดตามพยากรณ์หรือเตือนภัยการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล อีกทั้งยังเป็นผู้นำทางวิชาการในการแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจในระดับ ชุมชน อย่างไรก็ตาม
สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีการระบาดก็จะมีการเฝ้าระวังเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดหน่วยบริการตรวจสุขภาพข้าวในแหล่งที่ไม่เคยพบการระบาด ร่วมกับการให้ความรู้แก่เกษตรกรในการดูแลรักษาข้าวและป้องกันศัตรูข้าว พร้อมกันนี้จะจัดตั้งศูนย์วิชาการเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลประจำจังหวัด เพื่อถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีและสนับสนุนด้านวิชาการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลให้แก่เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ตลอดจนหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การแก้ปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและประเทศชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี