โจรสุดแสบ!แอบแฮกเฟสบุ๊ค หลอกเหยื่อโอนเงินสูญหลายพัน
วันพุธ ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556, 18.18 น.
Tag :
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ได้เกิดเหตุมิจฉาชีพอาละวาดในสื่อสาธารณะ โดยได้มีการลักลอบเข้าไปในเว็บไซต์เฟสบุ๊คส่วนตัวของบุคคลก่อนก่อให้เกิดความเสียหายด้วยการแจ้งให้อีกบุคคลหนึ่งโอนเงินไปให้ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อู่รุ่งเรือง เซอร์วิส ตั้งอยู่เลขที่ 90/1 ม.12 ต.รอบเวียง อ.เมือง ของนายอุดม อัสวสิริรุ่งเรือง เจ้าของอู่ และผู้ประสบเหตุคือนางนัทชา กีระติสุนทร อายุ 44 ปีภรรยา โดยนางนัทชา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปเล่นเฟสบุ๊ค และมีเพื่อนคนหนึ่งคือนางมาลี กุมภัณฑ์ อายุ 43 ปีบ้านเลขที่ 95 ม.15 ต.บ้านต้า อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ให้โอนเงินไปให้เป็นเงิน 3,000 บาท
นางนัทชา เล่าด้วยว่า ตามปกติเมื่ออยู่ที่สำนักงานของอู่ตนจะเปิดเฟสบุ๊คเอาไว้เสมอ เพื่อพูดคุยธุระและพบปะเพื่อนฝูงที่คบหากันมานาน ซึ่งก็รวมทั้งนางมาลีด้วย กระทั่งต่อมาได้มีช่องสนทนาหรือแชทของนางมาลีเข้ามาในช่องแชทของตนพร้อมแจ้งว่า "พอจะมีเงินก่อนสัก 2-3 พันป่าว ทำยังไงไม่เกิน 4 โมงวันนี้คืนให้" เมื่อสอบถามก็ย้ำอีกว่าจะใช้เวลาโอนเงินนานหรือไม่อีกด้วย ทำให้ตนเห็นใจเพื่อนและไม่กล้าถามถึงที่มาที่ไปของความต้องการเงินด่วนดังกล่าว แต่ครั้นจะออกไปโอนเงินเองก็ยังติดงานที่อู่อยู่ จึงโทรศัพท์ไปถึงนางโชติกา ดวงศิริ เพื่อนอีกคนที่เปิดร้านถิงถิงเครื่องครัวอยู่บริเวณใกล้เคียงกันเพราะเขามีบ้านใกล้ตู้เอทีเอ็ม ต่อมานางโชติกา ก็รีบไปโอนเงินผ่านเอทีเอ็มให้เพราะคิดว่าเป็นบัญชีของนางมาลี ภายใต้เลขบัญชี 2512666399 บัญชีธนาคารกสิกรไทยในนามนาย nimit หรือ นิมิต
"นางโชติกา ก็สงสัยว่าเหตุใดบัญชีจึงไม่ใช้ชื่อนางมาลี แต่เนื่องจากเป็นเพื่อนฝูงกันหมดและเมื่อทราบจากนางนัทชาว่าร้อนเงินจึงรีบโอนเงินให้ดังกล่าว เมื่อทราบว่าโอนเงินเสร็จแล้วก็ได้สอบถามในแชทว่าได้รับเงินแล้วหรือยังเพราะให้เพื่อนคือนางโชติกาโอนเงินไปให้แล้ว ปรากฎว่าคราวนี้เงียบไม่มีคำตอบกลับมาอีกเลย กระทั่งมาทราบภายหลังจากนางมาลีว่าไม่เคยเล่นเฟตบุ๊คมานานแล้ว และไม่เคยขอยืมเงินตามที่พบในแชทดังกล่าวมาก่อนเลย จึงตกใจมาก" นางนัทชา กล่าว
ทางด้านนางมาลี กล่าวว่า ตนไม่ได้ใช้เฟสบุ๊คมานานกว่า 2 เดือนแล้ว รวมทั้งด้วยการทำงานในปัจจุบันซึ่งค้าขายโคกระบือไปต่างประเทศก็ไม่ได้เดือดร้อนจากเรื่องการเงินเพียงแค่หลัก 3,000 บาท แต่เมื่อมีเพื่อนสอบถามหลังจากเกิดเหตุการณ์โอนเงินไปแล้วหลายวันก็แจ้งกลับไปว่าไม่ได้ขอยืมเงินดังกล่าวแต่อย่างใดเลย ทั้งนี้ตามปกติพวกเราในกลุ่มเพื่อนก็จะใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจึงไม่น่าจะมีคนเข้าไปแฮกเกอร์เอารหัสหรือพาสเวิร์ดได้ ตนจึงสงสัยอย่างมาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการและมีความสามารถด้านการแฮ็กเกอร์ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
โดยหลังเกิดเหตุทั้งหมดได้ปรึกษากันและสอบถามไปยัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ความว่าคดีดังกล่าวสามารถสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีได้แต่ต้องมีการแจ้งความอย่างเป็นทางการ ทำให้กลุ่มเพื่อนของนางนัทชาและนางมาลีตัดสินใจไม่แจ้งความดำเนินคดีเพราะวงเงินน้อยเกรงว่าจะเสียเวลาและค่าคดีความจึงตรวจสอบผ่านธนาคารที่เกี่ยวข้องได้รับทราบว่าผู้เปิดบัญชีชื่อนิมิตรดังกล่าวได้เปิดบัญชีที่ จ.สุราษฎร์ธานี และที่ผ่านมามีวงเงินที่ถูกโอนเงินเข้าคราวละตั้งแต่ 500-3,000 บาทอย่างน่าสงสัยด้วย
จากนั้นนางมาลีได้หันมาเปลี่ยนพาสเวิร์ดของเฟสบุ๊คแทน ซึ่งจากนั้นก็ไม่พบปัญหาขึ้นอีก แต่ทั้งหมดก็ยืนยันว่าแม้ว่าวงเงินที่ถูกมิจฉาชีพโกงไปจากวิธีการดังกล่าวจะไม่มาก แต่ก็เกรงว่าคนอื่นๆ ที่เล่นเฟสบุ๊คหรือโชลเชียลมีเดียร์อื่นๆ จะถูกกระทำเหมือนกันและหากวงเงินมากกว่านี้อาจจะได้รับกระทบหนักได้ จึงขอให้ทางสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเพื่อแจ้งเตือนคนในสังคมโชลเชียลมีเดียร์ด้วยดังกล่าว