ในปี 2558 นี้ ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อย่างเต็มตัว ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีการเตรียมความพร้อมภาคเกษตรทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิต เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารปลอดภัย และการพัฒนาเมืองเกษตรสีเขียว (Green City) คือการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมภาคเกษตรก่อนเข้าสู่ AEC ว่า เราจะทำอย่างไรให้เกษตรกรไทยสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เมื่อเข้าสู่ AEC โดยเฉพาะเรื่องของตลาด ซึ่งประเทศคู่ค้าของเราบางประเทศมีต้นทุนที่ต่ำกว่า หรือมีนวัตกรรมที่สูงกว่าเราจึงต้องพัฒนาสินค้าเกษตรของเราให้ทัดเทียมหรือเหนือกว่า เกษตรกรจึงจำเป็นต้องมีความรู้ครอบคลุมทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต รวมไปถึงการตลาด โดยต้องรู้ว่าตลาดต้องการสินค้าเกษตรแบบไหน เช่น ข้าว ไทยเรามีคู่แข่ง คือ เขมร เวียดนาม พม่า ซึ่งประเทศเหล่านี้ ขายข้าวขาว ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเรา ดังนั้น เราจึงต้องขายข้าวในตลาดเชิงคุณภาพ เป็นข้าวอินทรีย์ หรือขายตามความต้องการของลูกค้า โดยมีแพ็กเกจจิ้งสวย หุงแล้วหอม หุงแล้วนุ่ม หรือมีสีสันที่น่าสนใจ

นายชวลิตกล่าวอีกว่า เราจำเป็นต้องยกระดับคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ต่างเร่งเตรียมความพร้อม อย่างเช่น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบประณีต ผักกางมุ้ง จำหน่ายในรูปแบบของสลัดบรรจุกล่อง เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอีกทางหนึ่ง หรือกรมวิชาการเกษตร ได้เร่งพัฒนางานวิจัยให้เกิดเทคโนโลยีการผลิตพืชที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้

“ประเทศไทยได้เปรียบประเทศอื่นๆ ตรงที่สินค้าของเราเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ อะไรที่ต้องใช้ในเรื่องของการผลิตแบบใช้เทคโนโลยี เราได้เปรียบ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการสินค้าที่ดีมีคุณภาพ อีกทั้งในละแวกอาเซียน ในเรื่องของสินค้าเกษตร ความก้าวหน้าในงานวิจัย หรือในด้านวิชาการต่างๆเราเหนือกว่าประเทศอื่น แต่ว่าถ้าเราต้องแข่งขันกับประเทศที่ผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยีต่ำกว่าเราสู้เขาไม่ได้” นายชวลิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้คุณภาพของสินค้า รวมถึงเทคโนโลยีของประเทศไทย จะเหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ประมาทหรือชะล่าใจไม่ได้ เนื่องจากประเทศอื่นๆ กำลังเร่งพัฒนาและยกระดับสินค้าของตัวเองเช่นกัน เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาและยกระดับสินค้าของเราให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย เพื่อให้สามารถแข่งขัน รวมถึงเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนได้ในที่สุด