ทหารจับคาโกดัง“ปทุม”
ข้าวล่องหน
เกือบแสนกระสอบ69ล.
คตร.เช็คบิล“รถไฟ-ทอท.”
สั่งทบทวน4โครงการรวด
สอบเพิ่มสุวรรณภูมิเฟส2
“ปู”นายกฯรวยขึ้น33ล้าน
ปปช.ไล่บี้สอบนาฬิกาหรู
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผบ.ร.2 รอ. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารบุกเข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวของ บริษัท ฟีนิกซ์ อกริเทค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 9/1 หมู่ 1 ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ภายหลังจากสืบทราบว่า มีการลักลอบเคลื่อนย้ายข้าวออกไปจากโกดังดังกล่าว เกือบ 1 แสนกระสอบมูลค่ากว่า 69 ล้านบาท
ทหารบุกค้นโกงดังข้าวปทุม
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ภายในบริเวณโกดังมีอาคารทั้งหมด 5 อาคาร โดยเมื่อเปิดเข้าไปที่อาคารด้านหลังพบว่า มีร่องรอยกระสอบข้าวหายไป เมื่อตรวจสอบนับเบื้องต้น ทราบว่าหายไปกว่า 91,000 กระสอบ จากเดิมที่เป็นโกดังเก็บข้าวจำนวน 130,000 กระสอบ ตรวจสอบสภาพข้าวพบว่าเป็นปลายข้าว เอวัน เลิศ และ ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่มีร่องรอยมอดกินข้าวได้รับความเสียหาย
เจอจังๆกองกระสอบข้าวกลวง
โดยเมื่อตรวจสอบจำนวนกองข้าวที่อยู่ภายในโกดังพบว่า บริเวณกองข้าวช่วงกลางแทนที่จะมีกระสอบข้าววางตั้งอยู่ตามปกติ แต่กลับมีนั่งร้านสอดใส้กลางวางไว้แทน แล้วยังมีการนำนั่งร้านมาตีเป็นกำแพงทางด้านในก่อนนำกระสอบข้าวมาปิดบังไว้ทั้งด้านหน้าและด้านบน เพื่อพลางตาไม่ให้ทราบว่าตรงกลางกองกระสอบข้าวนั้นกลวงโบ๋ และมีข้าวหายไป
หายเกือบแสนกระสอบ69ล.
พ.อ.สุขสรรค์ เปิดเผยว่า ข้าวหายไปเป็นข้าวที่ทำการสีแล้วจากโรงสีข้าว และอยู่ในความดูแลขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) จากนั้นได้มอบให้บริษัทฯ ฟีนิกซ์ ซึ่งเป็น 1ใน 4 บริษัทฯ ในเขต อ.เมืองปทุมธานี เป็นผู้ดูแลเก็บข้าวในโกดัง แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าข้าวหายไปกว่า 91,000 กระสอบ มูลค่ากว่า 69 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งข้าวหายจำนวน 1 กองประมาณ 1 หมื่นกระสอบ เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม 2556 และวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าโกดังดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมงและจะทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
เจ้าของโบ้ยมีคนมาเช่าต่อ
นางธนัญชา เงินงาม อายุ 45 ปี ผู้ดูแลโกดังกล่าวว่า ตนเองดูแลโกดังมา 20 ปีแล้ว โดยมี นายพิชัย พัฒนาพงษ์ชัย เป็นผู้เช่าแต่ได้หายตัวไปเป็นเวลา 1 อาทิตย์แล้ว ข้าวที่อยู่ในโกดังเป็นข้าวที่อยู่ในโครงการรับจำนำข้าวโดยมี อตก. เป็นผู้ดูแลนำมาเก็บไว้ที่โกดังแห่งนี้
คตร.ล้มซ่อมรถไฟ3.3พันล.
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการทำงานของ คตร.ว่า เบื้องต้น คตร.ได้มีมติให้ยกเลิก 2 โครงการ คือ 1.โครงการบูรณะรถจักรดีเซลของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 3.3 พันล้านบาท เนื่องจากตัวรถจักรมีความเก่ามาก ซ่อมแล้วไม่คุ้มค่า จึงให้พิจารณาจัดทำโครงการใหม่ และ 2.โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แทบเล็ต) ของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ยกเลิกในส่วนของระยะที่ 4 ของปี 2556 และในส่วนของปี 2557 วงเงินประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงกับฝ่ายสังคมจิตวิทยาที่ให้ผู้เกี่ยวข้องไปคิดแผนงานใหม่ ตามวัตถุประสงค์เดิมในการสนับสนุนการเรียนการสอน
สั่งทบทวน4โครงการ
พล.ท.อนันตพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีมติให้ทบทวน 4 โครงการ เนื่องจากเห็นว่า ราคากลางสูงเกินไป และทีโออาร์ไม่มีความเหมาะสม ได้แก่ 1.โครงการจัดหารถรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คันของ รฟท. วงเงิน 6 พันล้านบาท 2.โครงการจัดหารถจักร จำนวน 126 คันของ รฟท. วงเงิน 5 พันล้านบาท 3.โครงการจ้างให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. วงเงิน 8.3 พันล้านบาท ที่การกำหนดราคากลางยังขาดเหตุผลความชัดเจน จึงอยากให้มีการทบทวนอีกครั้ง ก่อนพิจารณาให้ดำเนินการต่อหรือไม่ และ 4.กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) วงเงิน 1หมื่นล้านบาท ที่แม้จะมีประโยชน์ แต่จากการตรวจสอบพบว่า ใน 23 โครงการของกองทุนยังไม่มีเป้าหมายในการดำเนินการ บางโครงการมีการใช้เงินโดยไม่ประหยัด
สอบเพิ่มสุวรรณภูมิเฟส2
พล.ท.อนันตพร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน คตร.ก็อยากให้มีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม อาทิ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ปี 2554 - 2560 ของ ทอท. วงเงินงบประมาณ 6 หมื่นกว่าล้าน , โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วงเงินงบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าช้ามาพอสมควร โดยเฉพาะขณะนี้การส่งมอบพื้นที่ยังไม่สามารถทำได้ตามกำหนดการ ฯลฯ
สรุป“ปู”นั่งนายกฯรวยขึ้น33ล.
ด้าน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดบัญชีทรัพย์สิน รัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่7พ.ค. 2557 รวม13 ตำแหน่ง10คน พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิ้น 574,346,149.14 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับ บัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ในช่วงก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ลดลง 27,314,031.86 บาท แต่หากเทียบกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง วันที่ 10 สิงหาคม 2554 จะพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มี ทรัพย์สิน เพิ่มขึ้น 33,214,147.83 บาท
รายการ“นาฬิกาหรู”ล่องหน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบรายการบัญชีทรัพย์สินไม่พบ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงรายการนาฬิกาหรู ที่มีผู้ยื่นให้ ปปช.ตรวจสอบ เข้ามารวมอยู่ด้วย
ขณะที่ นายธวัชชัย ศิริสธนพันธ์ ผอ.สำนักตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินภาคการเมือง เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นนาฬิกาหรูที่มีผู้ร้องให้ ปปช.ตรวจสอบนั้น ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยชี้แจงกับปปช.แล้ว 1 ครั้ง โดยอ้างว่า นาฬิกาเรือนดังกล่าวซื้อและขายออกไปก่อนจะมารับตำแหน่งทางการเมือง แล้วไปซื้อเป็นเครื่องประดับแทน จึงไม่ได้แจ้งอยู่ในบัญชีทรัพย์สิน
ปปช.สั่งเข้าชี้แจงอีกรอบ
กระนั้นก็ตาม คณะกรรมการ ปปช.เห็นว่ายังมีข้อมูลไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่ได้ระบุถึงยี่ห้อนาฬิกาและช่วงเวลาในการซื้อขายทำให้ปปช.จะทำหนังสือให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าชี้แจงอีกครั้ง แต่หากไม่ชี้แจงกลับมา ปปช. จะใช้ช่องทางอื่นเช่นการเข้าไปตรวจสอบบริษัทที่ขายนาฬิกาเพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจน
“นิคม”รวยอื้อซ่า200ล้าน
ขณะเดียวกัน ปปช. ยังเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม โดยมี ส.ว.เลือกตั้ง ซึ่งเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ 14 มี.ค.2551 น่าสนใจ อาทิ นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา ก่อนเข้ารับตำแหน่งมีทรัพย์สิน 197,682,885.27 บาท หนี้สิน 3,321,223.49 บาท หลังพ้นจากตำแหน่ง ทรัพย์สิน 203,829,520.93 บาท หนี้สิน 2,680,726.81 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 201,148,794.12 บาท นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา กรณีพ้นจากตำแหน่งแล้ว 1 ปี มีทรัพย์สิน 166,975,816.88 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 166,975,816.88 บาท ยื่น 18 ก.พ.2555 กรณีพ้นจากตำแหน่ง มีทรัพย์สิน 161,308,566.72 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 161,308,566.72 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี