‘บิ๊กตู่’นายกฯตามคาด
คุมเบ็ดเสร็จ
ควบหน.คสช.-ผบ.ทบ.
มติสนช.ท่วมท้น191เสียง
นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯทันที
‘ประยุทธ์’ลั่นทำเพื่อชาติ
พท.-แกนนำแดงดีใจด้วย
วอนยกเลิกใช้‘อัยการศึก’
เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 21 สิงหาคม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้เปิดการประชุม สนช.เพื่อให้สมาชิก สนช.ลงมติเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจากนั้น นายพรเพชร ได้แจ้งขั้นตอนการเลือกนายกฯต่อที่ประชุมพอสังเขปว่า การเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกฯจะต้องมีสมาชิกลงมติรับรองไม่น้อยกว่า1ใน5 หรือไม่น้อยกว่า 40คนและการลงมติจะต้องกระทำโดยเปิดเผย ผ่านการขานชื่อสมาชิกทีละคนว่า จะเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งผู้ที่จะได้รับตำแหน่งนายกฯจะต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิก สนช.ที่มีอยู่ หรือไม่น้อยกว่า 99เสียง
สนช.ลงมติ191เสียงบิ๊กตู่นายกฯ
ต่อมา นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกลงมติรับรอง 188คน จากนั้น นายพรเพชร ได้ขอตรวจสอบสอบองค์ประชุมก่อนลงมติเลือกนายกฯโดยมีสนช.อยู่ในห้องประชุม 194คน จากทั้งหมด 197คน หลังนับองค์ประชุม นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสนช.ได้อ่านชื่อสมาชิกทีละคนตามลำดับอักษร ใช้เวลาประมาณ 25นาที ผลปรากฏว่าที่ประชุมลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ191คน งดออกเสียง 3คน ได้แก่ นายพรเพชร นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่1และนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2
ลาป่วย3คนไม่ได้ร่วมลงคะแนน
ทั้งนี้ นายพรเพชร แจ้งว่า มีสมาชิกลาป่วย 3คน คือ 1.นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ 2.คุณพรทิพย์ จาละและ3.พล.อ.สุรวัช บุตรวงษ์ ผลคะแนนดังกล่าวถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกฯและขอปิดประชุมเวลา 11.55น.และนัดประชุมสนช.ครั้งต่อไปวันที่ 28และ29สิงหาคม
ส่งรายชื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว
ด้าน นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ตรวจสอบคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ หลัง สนช.ให้ความเห็นชอบเป็นนายกฯเสร็จเรียบร้อยแล้วและได้ส่งหนังสือไปยังสำนักราชเลขาธิการแล้ว เพื่อนำความกราบบังคมทูลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป
“ตวง”แจงวิปสนช.คนชงเสนอ
ขณะที่ นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.กล่าวหลังที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯว่า สาเหตุที่ตนเป็นผู้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากได้รับมอบหมายจากวิป สนช.ซึ่งถือว่าเป็นมติของที่ประชุมวิปวานนี้ (20สิงหาคม) และเป็นการเสนอตามบทรัฐธรรมนูญ มาตรา19 ซึ่งตนไม่ได้ไปทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด ซึ่งช่วงที่ผ่านมาตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเป็นนายกฯบริหารบ้านเมืองและสังคมได้ เมื่อวิปประสานมาให้ตนเสนอ ตนก็ไม่มีปัญหา
เชื่อนำประเทศชาติผ่านวิกตฤได้
“วันนี้บ้านเมืองถึงเวลาที่จะต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ ทุกคนคงเห็นตรงกันว่า ถ้าเรายึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศ โดยไม่ต้องเลือกว่าพวกใด ประเทศก็จะเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีความเหมาะสมที่จะรับหน้าที่นี้ สะท้อนจากผลสำรวจของทุกสำนักและการทำหน้าที่ของท่านช่วง 2-3เดือนที่ผ่านมา พวกเรา สนช.ก็เห็นตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะนำพาประเทศก้าวพ้นวิกฤตได้” นายตวง กล่าว
ซุปเปอร์นายกฯนั่งควบ3เก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 แล้วปัจจุบันยังนั่งควบอีก 2 ตำแหน่งใหญ่ และมีอำนาจสูงสุดคือ ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)
จัดห้องสีงาช้างรับโปรดเกล้าฯ
นอกจากนี้ หลังเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯปรากฏว่า บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่และคนงาน ได้เร่งปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและสถานที่ โดยทำการลาดยางถนน ตัดแต่งสนามหญ้าและต้นไม้หน้าตึกไทยคู่ฟ้าและสวนหย่อมด้านตึกบัญชาการ1 สวนภายในตึกไทยคู่ฟ้า เหลือเพียงปรับแต่งเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 19สิงหาคมที่ผ่านมา เฟอร์นิเจอร์ส่วนหนึ่ง อย่างโต๊ะเก้าอี้หลุยส์ที่นำไปซ่อม คนงานได้ช่วยกันขนกลับเข้าตึกไทยคู่ฟ้าตามเดิมแล้ว ทั้งนี้ ห้องสีงาช้าง ที่จัดเตรียมไว้ในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกฯทางกองพิธีการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งโต๊ะงานพิธีแล้ว ส่วนห้องทำงานนายกฯยังคงปิดล็อกไว้
“บิ๊กตู่”ไปเปิดงาน64ปีร.21รอ.
ก่อนหน้านั้น เวลา 09.21น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมายังค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี เพื่อเป็นประธานวันสถาปนาครบรอบปีที่64 กรมทหารราบที่21รักษาพระองค์ (ร.21รอ. หรือทหารเสือราชินี) โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นทหารใน ร.21รอ.มาร่วมงาน เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.
ลั่นขอให้ประเทศเดินหน้าก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยได้ทักท้าข้าราชการทหารและครอบครัว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นกันเอง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ หลังจากสมาชิก สนช.มีมติเลือกให้เป็นนายกฯว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า มีการทาบทามล่วงหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามย้ำว่า พร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าก่อนก็แล้วกัน
อ้างรอโปรดเกล้าฯ-ก่อนตั้งครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีอะไรพูดกับประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็นผบ.ทบ.อยู่ รอให้โปรดเกล้าฯก่อน ส่วนคณะรัฐมนตรี(ครม.) จะเแล้วเสร็จเมื่อไหร่นั้น เป็นไปตามโรดแมป เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เพราะต้องมารับหน้าที่เป็นนายกฯต้องทำงานหนักมาก พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่กังวลอะไร ขณะเดียวกัน ข้าราชการทหาร กลุ่มแม่บ้านทหารบกและประชาชนรอบค่ายนวมินทราชินี ประมาณ 200คน ได้ร้องเพลง”คืนความสุขให้ประชาชน” เพื่อให้กำลังใจก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางกลับ
“อุเทน”ไม่เซอร์ไพร์สว่าที่นายกฯ
มีความเห็นจากบรรดานักการเมืองหลังที่ประชุม สนช.มีติให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดย นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า ไม่ผิดไปจากหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจเหมาะกับทำหน้าที่หัวหน้า คสช.แต่ตำแหน่งนายกฯนั้น ยังมีคำถามอยู่มากมาย เพราะอาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า จะมีรัฐบาลทหารเหมือนเช่นในอดีตหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลกับความสง่างามและความเชื่อมั่นที่ประชาชนเคยมีให้
‘พท.’แนะยกเลิกกฏอัยการศึก
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่ายหลังที่ประชุม สนช.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ว่า เป็นไปตามที่คาดกันไว้ หลังจากโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกฯแล้ว งานแรก คือ ควรยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนเลิกหวาดกลัว รวมทั้งการเดินตามโรดแมปที่วางไว้ ถือเป็นสัญญาประชาคมที่ คสช.ทำไว้กับประชาชนและชาวโลก ความเชื่อมั่นก็จะเกิดขึ้นกับประเทศตามมาและภารกิจของนายกฯคนใหม่ คือ แก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ
“แกนนำแดง”ยินดี”ประยุทธ์”
ด้าน นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า ตนขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าคสช.ที่ได้รับสรรหาเป็นนายกฯ ซึ่งอยากให้ทำตามที่พูดไว้ให้บรรลุโดยเร็ว หลังจากนี้ควรตั้ง ครม.โดยเร็ว เพื่อให้มีครม.บริหารงานและสิ่งที่ต้องทำก่อนคือ ยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะทุกวันนี้บ้านเมืองไม่มีปัญหาวุ่นวาย หากยกเลิกจะทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้นและธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้สังคมคาดหวังตามที่ท่านให้คำมั่นว่า จะให้ประเทศกลับสู่ความปรองดองให้ได้ แต่เท่าที่ติดตามการบริหารมาตลอด 3เดือน ยังไม่มีความก้าวหน้าอย่างที่ควรเป็น เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดความคิดที่แตกต่างโดยเฉพาะเรื่องความยุติธรรมในสังคม การใช้กฎหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องของศาลยุติธรรม แต่เป็นเรื่องขององค์กรต่าง ๆ ที่ผ่านมาคสช.ไม่ได้แก้ปัญหาจุดนี้
วอนคืนเป็นธรรม-อย่าเลือกสี
นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.กล่าวว่า ขอให้นายกฯใหม่คืนความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ให้ได้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีอะไร อย่าทำงานอย่างมีอคติ อย่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะเข้ามาเพื่อเปลี่ยนผ่าน จึงอยากให้ดำเนินการต่างๆด้วยความจริงใจบริสุทธิ์ใจ
ส่วนเรื่องการตรวจสอบนั้น คงไม่ได้เป็นไปด้วยความจริงใจแน่นอนและไม่คิดว่า สนช.ชุดนี้จะมาเพื่อตรวจสอบ หรือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ได้ เพราะเหมือนคลานตามกันมา เหมือนพวกเดียวกัน จึงฝากสื่อมวลชนให้ช่วยขุดคุ้ยตรวจสอบด้วย ขออวยพรให้นายกฯใหม่ อยู่ด้วยความเป็นธรรม รักษาคำพูดที่ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เป็นปัญหาเสียเอง
ย้ำรบ.ใหม่ต้องถูกตรวจสอบ
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.กล่าวถึงแนวทางตรวจสอบฝ่ายบริหารหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกฯว่า ขั้นตอนเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เบื้องต้นคาดว่าการตรวจสอบจะใช้กลไกคณะกรรมาธิการสามัญ ประจำสภา โดยการตั้งกรรมาธิการฯ นั้นยังอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องจำนวนระหว่าง 15-20คณะและภาระหน้าที่ หากพบประเด็นไม่โปร่งใส ซึ่งคาดว่าจะเกี่ยวกับรัฐมนตรีหรือข้าราชการ ต้องถูกตรวจสอบเหมือนที่ผ่านมา
“วิษณุ”อุบนั่งรมต.รอทาบทาม
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายกฎหมายและในฐานะกรรมการหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ถือว่าเหมาะสมแล้ว ส่วนการจัดตั้ง ครม.หลังจากนี้จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะหลังจากมีนายกฯแล้ว ยังมีขั้นตอนประธานสนช.นำความกราบถวายบังคมทูลโปรดเกล้าฯและหลังโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง การจัดตั้งครม.มีความเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น ขั้นตอนการจัดตั้งครม.ไม่ได้กำหนดเวลา เพราะต้องมีการทาบทามอย่างเป็นทางการ มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้จะมาเป็นรัฐมนตรี รวมถึงขั้นตอนการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ สำหรับตนที่มีข่าวว่า จะมาดำรงตำแหน่งรองนายกฯนั้น ยังไม่มีการทาบทามอย่างเป็นทางการ มีแต่คนมาพูดขอให้มาช่วยแบบโยนหินถามทาง
เปิด3รายชื่อมีลุ้นรมว.แรงงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่คาดว่าจะได้เป็น รมว.แรงงาน ได้แก่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก ที่ปรึกษา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.และสนช. แม้ พล.อ.วิลาส จะได้รับแต่งตั้งเป็น สนช.แต่ยังได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงแรงงานอยู่ จึงทำให้มีชื่อติดโผ รมว.แรงงาน นอกจากนี้ปรากฎชื่อ นายฐาปบุตร ชมเสวี อดีตรองปลัดกระทรวงแรงงานและนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งหาก นายจีรศักดิ์ ได้รับคัดเลือกต้องลาออกจากราชการก่อนจะเกษียณเดือนกันยายนนี้
สมัครสปช.วันที่8คนดังมาอื้อ
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่8 ของการเปิดรับสมัครบุคคลเข้าสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฎิรูป (สปช.) ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 21สิงหาคม มีผู้มาสมัครอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ปปช.ที่ยื่นสมัครด้านการเมืองด้วยตัวเอง ขณะที่ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ปปช.ให้เจ้าหน้าที่มายื่นเอกสารแทน โดยสมัครด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่วน นายประสาน มฤคพิทักษ์ อดีต สว.สมัครด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่งโดยมูลนิธิ 14ตุลา นายวันชัย สอนศิริ สมัครด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่งโดยมูลนิธิร่มฉัตรและนายสดใส รุ่งโพธิ์ทอง สมัครด้านสังคม ส่งโดยสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ซึ่งช่วงครึ่งวันเช้ามีผู้มาสมัครส่วนกลาง 26คน สมัครในจังหงัดๆ 33คน
กกต.แจงกก.สรรหา77จังหวัด
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวหลังเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย(มท.) เพื่อรับฟังปัญหาจากคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 77จังหวัด โดยพูดคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า
ได้ชี้แจงถึงภาพรวมการรับสมัครและประเด็นใหญ่คือ เรื่องบล็อกโหวต ที่ได้แจ้งให้คณะกรรมการสรรหาปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและให้ความยุติธรรมกับทุกคนที่ต้องการเข้าร่วมสรรหา เพราะที่ผ่านมาหลายคนเข้าใจว่ามีการบล็อกโหวตผ่านผู้ว่าฯที่เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ในความจริงประธานคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ไม่ใช่ผู้ว่าฯที่เป็นโดยตำแหน่ง แต่เป็นการเลือกกันเองของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งมีหลายจังหวัดที่ผู้ว่าฯได้เป็นประธาน แต่บางจังหวัดก็มีประธาน กกต.ประจำจังหวัด และหัวหน้าผู้พิพากษา เป็นประธาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี