“บิ๊กตู่”ลั่นครม.ชุดใหม่
ส่ออยู่ยาว!
ประกาศใช้ผลงาน”แลก”
ย้ำไม่มีเงื่อนไขของ”เวลา”
เมินฮวงจุ้ย-ท่องคาถา4ข้อ
คาดประชุมนัดแรก9กันยา
ปิดสมัครสปช.-พุ่ง6,729คน
“ถั่วแระ-สมบัติ-บรรเจิด”ชิง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กันยายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช.ครั้งที่ 13 พร้อมกล่าวในที่ประชุมว่า ทุกส่วนงานต้องขับเคลื่อนเรื่องที่เร่งด่วนให้แล้วเสร็จก่อนจะแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่และทันทีที่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะแบ่งการทำงาน 19กระทรวงให้รองนายกรัฐมนตรี 5คนดูแล ขณะที่บทบาทการทำงานของ คสช.5ด้านยังคงอยู่ แต่ต้องลดบทบาทลง มีเพียงการดำเนินการเกี่ยวกับงานขับเคลื่อนที่เป็นเรื่องเร่งด่วน อาทิ การรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความมั่นคงภายใน รวมถึงการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ คสช.มุ่งเน้น
‘บิ๊กตู่’จี้เร่งฟื้นความเชื่อมั่นปท.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การทำงานในส่วนงานต่างๆ เรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการคือ การรักษาสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัยของประเทศและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในชาติและต่างประเทศนั้น ปัจจุบันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มประเทศในอาเซียน พร้อมกับให้มีการติดตามงานที่สำคัญ ๆ อาทิ ความก้าวหน้าการจัดตั้งวันสต็อบเซอร์วิสให้ได้ในทุกภาคธุรกิจ การจัดตั้งศูนย์บริการต่างชาติในประเทศไทย การดูแลเรื่องวีซ่าและการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับผู้ที่จะเข้ามาลงทุน รวมถึงติดตามการตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาที่บริษัทกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของต่างชาติจะเข้ามาถ่ายทอดความรู้ให้ไทย ส่วนการเสนอกฎหมายต้องมีความทันสมัยเพื่อประโยชน์ในการลดปัญหาการคอรัปชั่น ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ด้วย
คงใช้อัยการศึก-ไม่มีล็อก’สปช.’
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงการทำงานของรัฐบาลว่า ได้กำชับให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมา ร่วมทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ส่วนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูป (สปช.) ที่มีการสรรหาเข้ามากว่า 6,000คน จะพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ยืนยันไม่มีการล็อกสเปค สำหรับกฎอัยการศึกนั้นมอบหมายให้ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่1ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ ไปพิจารณาและสรุปสถานการณ์ภาพรวมของประเทศเพื่อนำเสนอมายัง คสช.เพื่อพิจารณาปรับลดหรือผ่อนคลายในอนาคต ยืนยันว่ายังไม่ใช่ในเวลานี้
ไม่กำหนดเวลาทำงานครม.ใหม่
“การทำงานของ ครม.ต่อจากนี้จะไม่กำหนดระยะเวลา เพราะไม่ต้องการให้เงื่อนไขของเวลามาเป็นอุปสรรค หรือสร้างความกดดันให้ ครม.เพราะที่ผ่านมามักจะถามถึงระยะเวลาในการทำงาน ซึ่งตรงนี้ผมไม่กำหนด แต่การทำงานต้องมีผลงาน โดยหลักทำงานของผมมี 4คำ คือ ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์ปี58และยั่งยืน มีคนขอเบอร์โทร วันเดือนปีเกิด ของผม บอกว่าจะเอาไปดูฮวงจุ้ย โหง้วเฮงที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ผมไม่ได้นึกถึงฮวงจุ้ย แต่ยึดความดีมากกว่าว่า ความดีจะต้องชนะความไม่ดีและจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
คาดประชุมครม.นัดแรก9กย.
เวลา 16.00น.พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. แถลงถึงการประชุมใหญ่คสช.ครั้งที่13 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งเร่งรัดปรับปรุงห้องประชุม ครม.ชั้น5 ตึกบัญชาการ1 ให้เสร็จเรียบร้อยทันประชุม ครม.ซึ่งคาดว่าจะประชุมนัดแรกวันที่ 9กันยายนนี้ พร้อมสั่งการให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เร่งดำเนินการจัดทำร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลให้เสร็จสิ้น โดยหัวข้อคำแถลงนโยบายคาดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับรองนายกฯทั้ง 5ด้าน ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ความกินดีอยู่ดีและคุณภาพชีวิตประชาชน โดยใช้สโลแกนว่า “ทำก่อน ทำจริง เกิดผลสำฤทธิ์ในปี58และยั่งยืน”โดยคำแถลงจะพูดให้เข้าใจง่ายและตรงประเด็น
ทหารผู้น้อยเฮ-คสช.ชดเชยเงินเดือน
ขณะที่น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษกคสช. แถลงเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคสช.อนุมัติงบฯประจำปี 57 ในส่วนของงบกลางจำนวน 180 ล้านบาท เพื่อชดเชยเป็นเงินเดือนแรกบรรจุให้กับข้าราชการทหารชั้นผู้น้อยของกองบัญชาการกองทัพไทยที่บรรจุเข้ารับราชการเป็นทหารก่อนวันที่ 1 ม.ค.56 ให้สอดคล้องกับบัญชีเงินเดือนใหม่ของข้าราชการพลเรือนตามมติครม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย.55จำนวน 9,231 คน แบ่งเป็นระดับชั้นสัญญาบัตร 1,586 คน และระดับชั้นประทวน 7,645 คน
นอกจากนี้ คสช.ได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการคลังมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้ตามโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม ปีงบประมาณ 2556 – 2561 เพื่อเป็นการช่วยเหลือและจูงใจให้ทหารที่จะออกจากราชการตามโครงการดังกล่าว โดยประมาณว่า จะมีข้าราชการทหารเข้าร่วมโครงการประมาณ 5,000 คน งบประมาณ 1,982 ล้านบาท จะเป็นภาษีสูญเสีย 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบไม่มากนักต่อรายได้การจัดรายเก็บภาษี
ให้’สนช.’ซักถามนโยบาย1วัน
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ได้รับการประสานเป็นการภายในจากรัฐบาลมาแล้วว่า หลังนำ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯก่อนปฏิบัติหน้าที่แล้วก็พร้อมจะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อ สนช.ทันที แต่ในส่วนของสนช.จะจัดสรรเวลาให้ยืดหยุ่นพอสมควรเพราะต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า 2-3วัน เพื่อจะได้เตรียมตัวเสนอแนะรัฐบาล โดยขณะนี้มี สนช.หลายคนเริ่มทำการบ้านและเมื่อเห็นนโยบายแล้ว คงจะมีข้อเสนอแนะดีดีไปยังรัฐบาล ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการแถลงนโยบายและเปิดโอกาสให้สมาชิกซักถาม 1วัน น่าจะเพียงพอ
สุรชัยเชื่อต้องแถลงนโยบายก่อน
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณียังไม่มีความชัดเจนที่ ครม.ชุดใหม่ จะแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อ สนช.ว่า ยังไม่ได้มีการประสานงานจากรัฐบาลว่า จะมีการแถลงนโยบายต่อ สนช.หรือไม่ แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติของระบอบประชาธิปไตยแล้ว ก่อนที่รัฐบาลจะทำหน้าที่ รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อสภา อย่างไรก็ตาม ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 ไม่มีมาตราใดๆ ที่ระบุประเด็นดังกล่าว จึงขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะทำอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวนั้นยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรักษาธรรมเนียมปฏิบัติ ทั้งนี้ หากมีการประสานมาก็เชื่อว่าจะบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นระเบียบวาระการประชุมได้ทันที แต่ต้องรอให้ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯเสียก่อน
ถกร่างข้อบังคับประชุม11กย.
ทางด้าน นายตวง อันทะไชย โฆษกกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสนช.ปี2557 ว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการฯได้ยกร่างข้อบังคับการประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสนช.ในวันที่ 11กันยายน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ จากเดิมที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมวันที่ 4กันยายน แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวมีวาระด่วนเรื่องร่างความตกลงเพื่อจัดตั้งสำนักงาน วิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียนบวกสาม จึงต้องเลื่อนวาระการพิจารณาข้อบังคับการประชุมเป็นสัปดาห์หน้า
ทำเนียบเตรียมถ่ายรูปครม.ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากทำเนียบรัฐบาลว่า มีความคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ มาปักหลักรอดูความเคลื่อนไหวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะนำ ครม. มารวมตัวถ่ายรูปหมู่หรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) ได้จัดเตรียมสถานที่ถ่ายรูปติดบัตรให้ ครม.แต่ละคนและถ่ายรูปหมู่ไว้พร้อมแล้วในตึกสันติไมตรี แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยว่า ครม.จะเข้าถ่ายรูปเมื่อใด เป็นเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อมจากผู้บังคับบัญชา ส่วนความชัดเจนในการเข้าถวายสัตย์ฯก่อนปฏิบัติหน้าที่นั้น จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) ระบุว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องวันและเวลา โดยชี้แจงแค่ว่า หากมีความชัดเจนจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ
มาร์คจี้บิ๊กตู่ขับเคลื่อนประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ว่า โจทย์ที่ทุกคนตั้งไว้กับรัฐบาลชุดนี้คือ 1.ปฏิรูปประเทศและ2.ปราบทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้และต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เมื่อท่านเป็นผู้ยึดอำนาจและรับผิดชอบทุกอย่าง ท่านจะต้องเป็นคนขับเคลื่อนประเทศ ต้องยอมรับว่าขณะนี้ประชาชนพึงพอใจกับการยึดอำนาจ เพราะ คสช.ได้เข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนในหลายเรื่อง ขณะนี้ผ่านมา 3เดือน หากที่ผ่านมาไม่สามารถทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่สามารถเดินหน้าหลายๆเรื่องความพึงพอใจก็จะลดลงไป
อนาคต’รบ.’ทำงานยากแน่นอน
“ไม่มีใครบอกได้ว่าหลังจากนี้ไป 3เดือน 6เดือน 9เดือน 1ปี จะเป็นอย่างไร เพราะงานจากนี้ไป งานยากจริงๆ ความคาดหวังที่คนพูดขณะนี้คือ เรื่องปฏิรูป ทุกคนบอกว่าอยากเห็นการปฏิรูป แต่พอเริ่มแตะเข้าไปบางเรื่อง เช่น พลังงาน ตอนนี้ก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ทางรัฐบาล หรือคสช. เองก็จะต้องประสบความยากลำบากพอสมควร นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเศรษฐกิจ ความผันผวนของเหตุการณ์ในต่างประเทศ ราคาพืชผลที่ตกต่ำ ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณของปี58 ที่เพิ่งเข้าสภาฯไปแสนกว่าล้าน คือเอาไปจ่ายหนี้จากนโยบายเก่าโดยที่ไม่สร้างประโยชน์อะไรเลย ฉะนั้นทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างมาก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สมัครสปช.วันสุดท้าย!คนดังอื้อ
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ซึ่งวันที่ 2กันยายนนี้ เปิดรับเสนอชื่อเป็นวันสุดท้ายว่า องค์กรนิติบุคคลยังเสนอรายชื่ออย่างต่อเนื่อง อาทิ มูลนิธิศิลปินตลกแห่งประเทศไทย เสนอชื่อนายศรสุทธา กลั่นมาลี หรือถั่วแระ เชิญยิ้ม กรุงเทพมหานคร เสนอชื่อ นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม.เข้าสรรหาด้านปกครองท้องถิ่น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เสนอชื่อ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีนิด้าและแกนนำ กปปส.และนายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ เข้าสรรหาด้านการเมือง
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเสนอชื่อ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขามูลนิธิฯ เข้าสรรหาด้านสังคม มูลนิธิพัฒนาข้าราชการ เสนอชื่อ นายขจัดภัย บุรษพัฒน์ อดีตเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน สมาคมนักเรียนเก่าราชสีมาวิทยาลัย เสนอชื่อ นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาสภาผู้แทนฯเข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน ด้าน อบต.บางกระเจ้า จ.สุมทรสาคร เสนอ นายคมสัน โพธิ์คง คณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เข้าสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
สรุปยอดสมัครทั่วไทย6,729คน
เวลา 17.30น.นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.แถลงสรุปยอดเปิดรับเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.วันสุดท้าย ว่า มีผู้ยื่นเสนอรายชื่อที่สำนักงาน กกต.จำนวน 579คนและยื่นที่คณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 342คน รวมทั้งสิ้นมีผู้เสนอชื่อ 921คน รวม 20วันที่เปิดรับสมัครมีผู้เข้ารับเสนอชื่อทั่วประเทศ 6,729คน แต่ยังต้องรอการเสนอชื่อมาทางไปรษณีย์ ซึ่งคาดว่า กกต.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดอย่างเป็นทางการไม่เกินวันที่ 4กันยายน
ผู้ว่าการทางฯปัดชงชื่อ”ธาริต”
ด้าน นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงกรณีสโมสรพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เสนอชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช.ว่า การทางพิเศษขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสนอชื่อ นายธาริต เป็นเรื่องของสโมสรพนักงานการทางฯ ชึ่งมี นายยืนหยัด ใจสมุทร เป็นนายกสโมสรฯและคณะกรรมการสโมสรฯมีมติเสนอชื่อ นายธาริต กทพ.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี