สนช.ตั้งแท่นเชือด'ปู'
ภายใน30วัน
ทนายพล่านจวกเร่งรีบ
อสส.ยื้ออีกสำนวนโกงข้าว
ถกปปช.นัดสองไร้ข้อสรุป
จะเรียกสอบพยานจำเลยเพิ่ม
ปปง.แฉฮั้วสนาม‘ฟุตซอล’
พบ17จว.อีสานเครือเดียวกัน
มีการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และฝ่ายอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นครั้งที่สอง เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้านที่สำนักงาน ป.ป.ช.สนามบินน้ำ เมื่อ 10.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย อสส. ให้สัมภาษณ์ ว่า จากการหารือข้อไม่สมบูรณ์หลายด้านในวันนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยฝ่ายเรามีความเห็นตรงกันเพียง 1 – 2 ข้อเท่านั้น จาก 4 ข้อที่ อสส. เสนอมา โดยประเด็นที่เหลือยังต้องพูดคุยกันในรายละเอียด ส่วนมีประเด็นใดบ้างนั้น ขอไม่เปิดเผย เนื่องจากถือเป็นความลับ เป็นการให้รายละเอียดซึ่งกันและกันโดยเฉพาะ
อสส.อ้างต้องการให้คดีสมบูรณ์
นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ทาง ป.ป.ช. ขอที่จะไปพิจารณารายละเอียดในบางประเด็นอีกครั้งหนึ่งและจะให้ความเห็นกลับมา ทั้งนี้ในประเด็นข้อไม่สมบูรณ์ยังคงเดิมตามที่ อสส. ส่งหนังสือมาไม่มีอะไรเพิ่มเติมเพียงแต่ต้องลงลึกในแต่ละข้อเพราะยังมีรายละเอียดอีกเยอะ อย่างไรก็ดีคณะทำงานร่วมฯพยายามพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติเพื่อประโยชน์ของคดีเอง ไม่ได้มีความกังวลใดๆทางอสส. เองก็ต้องการให้คดีมีความสมบูรณ์ทุกอย่าง เพื่อจะนำไปฟ้องแล้วศาลสามารถลงโทษได้
จ่อสอบพยาน”ปู”เพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการสอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า หากจะมีการสอบพยานเพิ่ม ก็ต้องดำเนินการร่วมกัน โดยจะให้มีการสอบพยานเพิ่มอีกจำนวนหลายคนด้วยกัน โดยพยานบางส่วนที่จะให้สอบเพิ่มนั้นก็เคยเป็นพยานที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยร้องขอให้ป.ป.ช. สอบมาก่อนแล้วทั้งนี้มีบางประเด็นที่อาจใช้พยานคนเดิมเพียงแต่เราต้องการสอบรายละเอียดให้ได้มากยิ่งขึ้น
“เรื่องการสอบพยานเพิ่ม เป็นเรื่องที่ อสส. ขอเพิ่ม แต่ยังไม่ได้มีการคุยกับฝ่าย ป.ป.ช. ในประเด็นนี้” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พยานที่จะขอสอบเพิ่มต้องการสอบลึกลงไปในประเด็นใดบ้าง นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า มีหลายเรื่อง แต่ยังไม่ต้องการเปิดเผย เชื่อว่าเมื่อ ป.ป.ช. รับฟังความคิดเห็นของ อสส. ภายในวันนี้แล้ว คงจะนำไปพิจารณาโดยละเอียด และดูว่าข้อไหนที่ตกลงกันได้ ข้อไหนที่จะต้องกลับมาพูดคุยกันอีกโดยมีการนัดหมายหารือกันอีกครั้งในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้เชื่อว่าในการประชุมครั้งหน้านั้นอาจจะได้ข้อสรุปแต่ก็อาจจะไม่จบก็ได้เพราะอาจจะมีประเด็นที่จะต้องหารือกันเพิ่มเติม
อสส.ปัดถ่วงคดีเชือดยิ่งลักษณ์
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อสส. ต้องการถ่วงเวลาคดี นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้ถ่วงเวลา เพราะ อสส. อยากให้จบ ทุกคนต้องการให้จบโดยเร็ว เพราะมีงานอื่นอีกมาก ไม่ใช่มีเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่มีถ่วงเวลา ทุกคนทำคดีก็ต้องการให้เสร็จ เพราะยิ่งช้า เดี๋ยวจะลืม
เมื่อถามว่า ข้อสงสัยของ อสส. กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอตอบ เพราะถ้าตอบอะไรไป เรื่องนี้จะเป็นประเด็นทันที จึงยังตอบไม่ได้ ยังไม่มีข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งตรงนั้นเป็นประเด็นของคดี จึงไม่ขอตอบ แต่ยังไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ยังมีอีกหลายข้อที่จะต้องพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช. ทำสำนวนดังกล่าวสมบูรณ์ที่สุดแล้ว นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ส่วนที่ว่า ป.ป.ช. ทำสำนวนดังกล่าวสมบูรณ์ที่สุดแล้วนั้นก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนที่ว่าถึงขั้นที่ ป.ป.ช. จะฟ้องเองหรือไม่ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น โดยตอนนี้อยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐาน คุยความเห็นที่ไม่ตรงกัน หากข้อใดยังเห็นว่าไม่สมบูรณ์กก็ต้องคุยกันก่อน
ต้องได้ข้อสรุปจะฟ้องหรือไม่
ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช.กล่าวก่อนประชุมว่า หากการประชุมร่วมในวันนี้ ไม่สามารถสรุปสำนวนในการส่งฟ้องโดย อสส.ได้ แต่ละฝ่ายจะต้องกลับไปพิจารณา และกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คาดว่าในการประชุมนัดต่อไปจึงจะได้ข้อสรุปว่า หาก อสส.ไม่สั่งฟ้องคดี ป.ป.ช.จะฟ้องเองหรือไม่
สนช.รอสำนวนถอดถอนปู
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัยประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์สอดคล้องกัน กรณีที่ ปปช.)มีมติส่งสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโครงการรับจำนำข้าวให้สนช.พิจารณาตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว
โดยนายพรเพชร ระบุยังไม่ได้รับหนังสือจากป.ป.ช. ซึ่งต้องรอดูรายละเอียดก่อนหากพูดตอนนี้จะเป็นการเปิดเผยรายละเอียดที่ผิดพลาดได้
ส่วนนายสุรชัย กล่าวว่าต้องรอป.ป.ช.ส่งสำนวนถอดถอนมาให้สนช.ก่อน เนื่องจากขณะนี้สนช.ยังไม่มีอำนาจใด ๆ เพราะอำนาจหน้าที่สนช.จะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อได้รับรายงานความเห็นจากป.ป. ช.พร้อมกับสำนวนการถอดถอนอย่างเป็นทางการ
บรรจุวาระเชือดปูใน30วัน
ด้านนายสมชาย แสวงการ สนช.และเลขานุการคณะกรรมาธิการสามัญกิจการสนช.ชั่วคราว(วิปสนช.) เปิดเผยว่า เมื่อ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาให้สนช.เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับสนช.จะเป็นหน้าที่ของประธาน สนช.ที่จะต้องนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเป็นระเบียบวาระเพื่อเรียกประชุมสนช.ภายใน30วัน ซึ่งสนช.น่าจะดำเนินการกระบวนการถอดถอนตามกระบวนการได้เพราะป.ป.ช.ได้แจ้งข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542
ส่วนตัวยืนยันว่า สนช.มีอำนาจถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอนแต่ทั้งหมดคงต้องรอดูว่า นายพรเพชร จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทนายปูโวยปปช.รวบรัด
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่เอสซีปาร์ค นายพิชิต ชื่นบาน ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงถึงกรณีที่ปปช. ส่งเรื่องไต่สวนข้อเท็จจริงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าวไปยังประธาน สนช. ว่า เป็นการรวบรัดและเร่งรีบ ทั้งที่อัยการสูงสุดได้ชี้ว่า หลักฐานการชี้มูลความผิดไม่สมบูรณ์ และการไต่สวนยังไม่สิ้นสุดโดยเฉพาะประเด็นเรื่องจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เป็นเหตุให้มีการกล่าวหาในคดีอาญาและคดีถอดถอนออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ก่อนการชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น คดีการถอดถอนเป็นคดีที่แยกกับคดีอาญาแต่ ป.ป.ช.กลับรวมสำนวนเข้าด้วยกัน จนกระทั่งอัยการสูงสุดชี้ว่ามีข้อไม่สมบูรณ์ ป.ป.ช.จึงแยกสำนวนถอดถอนออกจากสำนวนคดีอาญาซึ่งเห็นว่าเป็นการไม่ยุติธรรม
ร้องสนช.ดูเรื่องอำนาจ
นายพิชิต กล่าวว่า ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตถึงมติป.ป.ช.เมื่อวันที่8พ.ค.2557 ที่ชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์มีพฤติกรรมว่า ส่อใช้อำนาจให้เกิดความเสียหายต่อประเทศซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 แต่มติที่ประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ให้ส่งเรื่อง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ไปให้ สนช. ถอดถอน กลับไม่กล่าวถึงความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 แต่กลับอ้างอิงกฎหมายลูก คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ดังนั้นจึงขอเรียกร้อง สนช. พิจารณาให้เกิดความยุติธรรมตามคำสั่งที่63/2557และพิจารณาว่า สนช.มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องถอดถอนดังกล่าวหรือไม่เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสุดแล้ว ทั้งนี้ทีมทนายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่เป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่น.ส.ยิ่งลักษณ์
ยังไม่รู้ส่งศาลรธน.หรือไม่
“ยอมรับว่าหนักใจกับความยุติธรรมที่เปลี่ยนผ่าน อย่างไรก็ตามอยากให้มีองค์กรที่สามารถตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ได้ ซึ่งขอเสนอให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ดำเนินการเรื่องนี้ด้วย และขอให้ ป.ป.ช.ทำงานอย่างมีอายุความ มีมาตรฐานเดียวกันทุกคดี ไม่เลือกทำคดีใดคคีหนึ่ง ส่วนจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้นก็ต้องพิจารณาทีละประเด็นก่อน ”นายพิชิต ระบุ
ปปท.เดินหน้าสอบสนามฟุตซอล
ด้านความคืบหน้าในการตรวจสอบการทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลในภาคอีสาน ล่าสุด นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ( ป.ป.ท.) เปิดเผยว่าป.ป.ท.จะเน้นการตรวจสอบความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนบุคคลภายนอก เช่น บริษัทเอกชนเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
“ตอนนี้เรายังสาวไปไม่ถึงนักการเมือง “นายประยงค์ระบุ และว่าสามารถปิดคดีได้ก่อนสิ้นปีแน่นอน
ส่วนนายนพดล เพชรสว่าง ผอ.ป.ป.ท. เขต3 นครราชสีมา กล่าวว่า ขอฝากไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องหรือพี่น้องประชาชนถ้าท่านมีข้อมูลอะไรที่จะให้ทาง ป.ป.ท.เขต 3 ตรวจสอบในเชิงลึกเกี่ยวกับการก่อสร้างสนามฟุตซอล ก็ยินดีรับ โดยแจ้งมาได้ทางโทรศัพท์สายด่วน 1206
แฉนักการเมืองข่มขู่ครู
ด้านแหล่งข่าวจากผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจำนวน 40 โรงเรียนในสังกัด สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 ที่ได้รับงบประมาณมาก่อสร้างสนามฟุตซอลกลางแจ้ง กล่าวว่า มีนักการเมืองท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ท้องที่ที่เป็นคนสนิทกับอดีต สส.อุตรดิตถ์รายหนึ่ง เข้าไปพบผู้บริหารโรงเรียนที่มีโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลกลางแจ้ง ข่มขู่ว่าห้ามให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน หรือใครก็ตามที่เข้าไปตรวจสอบ หากไม่เชื่อจะไม่ช่วยเหลือเรื่องคดีหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ทำให้ผู้บริหารหลายคนเกิดอาการกลัวความผิด และไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“กลัวว่า ปปท.หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทำงานล่าช้า อยากให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ลงมาช่วยอีกแรงหนึ่ง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคนที่จะรับผิดชอบคือ ผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องตกเป็นแพะรับบาปไป” แหล่งข่าว กล่าว
ปปง.ชี้สนามฟุตซอลฮั้วประมูล
วันเดียวกันพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. ให้สัมภาษณ์ว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ปปง.ร่วมกับปปท.เพื่อร่วมทำงานตรวจสอบเส้นทางการเงิน ความเชื่อมโยงต่างๆของผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลชี้มูลความผิดพิจารณาในการยึดและอายัดทรัพย์ผู้กระทำความผิดหรือไม่ กรณีการทุจริตสร้างสนามฟุตซอลใน 358 โรงเรียนใน17จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้นเป็นไปได้ว่า จะเข้าข่ายทุจริตและฮั้วประมูล โดยเฉพาะ2บริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
เปิดเครือข่ายโยงใยกลุ่มเดียวกัน
วันเดียวกัน www.isranews.org ได้เสนอ หลักฐานสำคัญที่แสดงความเชื่อมโยง ของบริษัทเอกชนทั้ง 5 ราย คือ เอกสารการมอบอำนาจให้ “บุคคลกลุ่มเดียวกัน” เป็นตัวแทนติดต่อกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและการแจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียน ขณะที่กรรมการผู้ถือหุ้นบางบริษัทเป็นบุคคลคนเดียวกัน..”ในการรับงานว่าจ้างก่อสร้างสนามฟุตซอลในโรงเรียนจากคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ1.บริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด 2.ห้างหุ้นส่วนจำกัด จีโอโอดี จำกัด,3. บริษัท แกรนด์สยาม 98 จำกัด ,4. บริษัท วายอีอี จำกัด 5. หจก. เอ็มเอไอเอ็นเตอร์ไพร์ส โดยบริษัทเหล่านี้แบ่งงานกันเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสนามฟุตซอล ในภาคอีสาน รวมสิ้น 37 แห่ง วงเงิน 133,714,600 บาท
แฉอีก29โครงการโซลาร์เซลทุจริต
นายนพดล เพชรสว่าง ผอ.ป.ป.ท. เขต3 นครราชสีมา ยังให้สัมภาษณ์ถึงการจัดซื้อจัดจ้างระบบส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ หรือเสาไฟโซล่าเซลล์ ภายใต้งบอุดหนุนเฉพาะกิจของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับการจัดสรรงบดำเนินการ 31 โครงการใน7อำเภอ รวม 22 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 57 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วพบว่า มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อจัดจ้างระบบไฟส่องสว่างโซล่าเซล สูงกว่าราคากลางถึงชุดละกว่า 100,000 – 114,000 บาท ถึง 29 โครงการ 29 โครงการ และพบข้อมูลอันเชื่อได้ว่าน่าจะมีการทุจริตในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี