27 พ.ย.57 ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ครั้งที่ 26/2557 โดยมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.เป็นประธานในการประชุม โดยมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ....
โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ชี้แจง ระบุว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ในการบำบัดรักษาภาวะการมีบุตรยาก สามารถช่วยให้ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากมีบุตรได้ โดยการใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อันมีผลให้บทบัญญัติของกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน เรื่องความเป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์ในทางพันธุกรรม
ดังนั้น เพื่อกำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กที่มีลักษณะดังกล่าวให้เหมาะสม ตลอดจนควบคุมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับตัวอ่อน และเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มิให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติหลักเกณฑ์และมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคพ.) ทำหน้าที่กำหนดนโยบายคุ้มครองเด็กที่เกิดในกรณีดังกล่าว และส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยทางจริยธรรม กฎหมายหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้
ในส่วนของรายละเอียดจรรยาบรรณของแพทย์ หรือข้อกำหนดทางการแพทย์ กฎหมายได้กำหนดให้แพทยสภาเป็นผู้ออกประกาศซึ่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะให้อำนาจแพทยสภาในการกำหนดกฎเกณฑ์ รวมถึงวิธีการต่างๆ ซึ่งในข้อกฎหมายมีข้อห้ามในเรื่องของการตั้งครรภ์แทนสิทธิในการดูแลเด็ก นอกจากนี้ ยังห้ามใช้เพื่อธุรกิจหรือผลประโยชน์ทางการค้าห้ามโฆษณา และห้ามมีนายหน้าซึ่งหากกระทำการนอกเหนือจากนี้จะถือว่ามีความผิด
ทั้งนี้ ความเป็นพ่อและแม่จะตกอยู่กับผู้ที่ต้องการมีบุตรไม่ใช่ผู้ที่ตั้งครรภ์แทน ทั้งนี้ ผู้ตั้งครรภ์แทนไม่มีสิทธิในตัวเด็กแต่อย่างใด ส่วนการกระทำที่จะถือว่าไม่เป็นไปตามเพื่อประโยชน์ทางการค้าอาทิค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ผู้อุ้มบุญแทนจะได้รับทางแพทยสภาจะเป็นผู้ประกาศหลักเกณฑ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องแสดงว่าไม่ใช่เป็นการจ้างในลักษณะธุรกิจการค้า หรือจ้างเพื่อผลประโยชน์ของคนที่ตั้งครรภ์แทนแต่เป็นการใช้จ่ายในลักษณะของการช่วยเหลือ ทั้งนี้ หากมีการจ่ายเกินหรือมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นการเข้าข่ายธุรกิจเพื่อการค้า
พล.ต.อ.อดุลย์ ได้ชี้แจงต่อสมาชิกว่า บทลงโทษในร่างกฎหมายจะเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกฎหมายนี้มีความประสงค์หลักจะคุ้มครองเด็กและปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เป็นปัญหาขณะนี้ พร้อมคุ้มครองคนมีบุตรยาก โดยเป็นการดำเนินการยึดหลักสิทธิมนุษยชน
ต่อมา ที่ประชุมได้มีการลงมติรับหลักการในร่างกฎหมายดังกล่าว โดยมีมติเห็นด้วย 177 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง และได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ จำนวน 18 คน ตามข้อบังคับฯ ข้อ 89 ที่ระบุให้ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ประธานสภาวินิจฉัยว่ามีสาระสำคัญเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน สตรี และผู้สูงอายุ หรือคนพิการหรือทุพพลภาพ หากสภามิได้พิจารณา โดยกรรมาธิการเต็มสภา ให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนเกี่ยวกับบุคคลประเภทนั้น มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมาธิการทั้งหมด โดยมีระยะเวลาแปรญัตติ 7 วัน และมีระยะเวลาการทำงาน 30 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี