ผวาโยงป่วน”ปีใหม่”
ยึดคลังแสง
ตะลึง!โผล่กองแถวชานกรุง
ตร.ชี้ล็อตเตรียมถล่มกปปส.
รบ.ยกระดับล่าคนผิดม.112
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม พ.ต.ท.เชาวลิต รักการค้า พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีผู้พบวัตถุระเบิด อาวุธสงครามและกระสุนปืนจำนวนมาก บริเวณถนนจตุโชติ ซอยหนองระแหง 7 แขวงคลองสามวาตะวันตก
เขตคลองสามวา กทม.จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ร.2 พัน 2 รอ. เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น.(EOD)และเจ้าหน้าพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ตะลึง!คลังแสงโผล่ชานกรุง
เมื่อไปถึงบริเวณพงหญ้าข้างถนนจตุโชติ พบกล่องโลหะ 3ลังและลังไม้ 2ลัง ใกล้กันพบหัวระเบิดอาร์พีจี 2 ซุกซ่อนอยู่ในถุงปุ๋ยสีน้ำเงิน ตรวจสอบภายในกล่องโลหะทั้ง 3 ลัง พบลูกกระสุนปืนขนาด 7.62มม.กว่า 2,000 นัด ในลังไม้พบลูกระเบิดอาร์จีดี5 จำนวน 30ลูก ส่วนในถุงปุ๋ยพบหัวระเบิดอาร์พีจี 2 จำนวน 10ลูก และอยู่ในหลอดบรรจุสีขาวอีก 11ลูก เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายพัฒศรี สอนจันดา พ่อค้าข้าวเหนียวหมูฝอย ให้การว่า ปกติจะมาตั้งร้านขายข้าวเหนียวหมูฝอยอยู่ห่างจุดเกิดเหตุ 100เมตร ขณะขายของเกิดปวดท้องอย่างแรง จึงเดินเข้าไปในพกหญ้าข้างถนนจนพบกล่องโลหะดังกล่าว เมื่อเปิดดูถึงกับตะลึง เมื่อพบลูกกระสุนปืนจำนวนมาก พอตรวจสอบรอบๆ ยังพบลังระเบิดอีกหลายลัง จึงรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
เป็นล็อตเดียวกับที่เคยยึดได้
ต่อมา พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.และพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. แถลงว่า อาวุณดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการตรวจยึดอาวุธสงครามในพื้นที่ สน.คันนายาว เช่นเดียวกับกรณีตรวจพบเมื่อวันที่ 19มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 2.8 กิโลเมตร อีกทั้ง ยังพบว่าชนิดระเบิดอาร์พีจี หรือระเบิดหัวปลีตรงกัน รวมถึงลักษณะของกล่องบรรจุอาวุธต่างๆที่ตรวจพบครั้งนี้ก็ตรงกับที่พบเมื่อครั้งก่อน
โยงวังน้อยใช้ถล่มม็อบ”กปปส.”
ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นอาวุธที่คนร้ายเตรียมไว้ก่อเหตุช่วงมีการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เมื่อช่วงต้นปี2557 สันนิษฐานว่าเป็นการนำมาทิ้งไว้หลังชุมนุมเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังพบมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการจับกุมอาวุธสงครามจำนวนมากที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอาวุธชนิดลูกระเบิดแบบขว้างชนิดRGD5 ซึ่งเป็นอาวุธชนิดเดียวกันกับที่ตรวจยึดได้ที่ อ.วังน้อย ดังกล่าว
ยังไม่ฟันธงเตรียมป่วนปีใหม่
“อาวุธที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ เป็นอาวุธที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลว่าจะใช้เตรียมก่อเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตามอาวุธที่ตรวจพบเป็นอาวุธที่ไม่มีใช้ในราชการตำรวจ โดยเฉพาะ RGD5 มีเพียงระเบิดหัวปลี นอกจากนั้นอาวุธชุดนี้ซึ่งเชื่อมโยงกับที่ตรวจยึดจับกุมได้ที่ อ.วังน้อย นั้นยังเคยใช้ก่อเหตุในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.อีกหลายจุด เช่น ที่ถนนบรรทัดทองและ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” ผบช.น. ระบุ
“บิ๊กป้อม”สั่งกำลังพลดูแลให้ดี
ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมสภากลาโหมว่า ที่ประชุมกำชับให้กำลังพลดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์อยู่แล้วและพยายามดำเนินการทุกอย่างที่จะไม่ให้เกิดเหตุทั้งในเขตเมืองและนอกเมือง
“บิ๊กตู่”สั่งยธ.ทำคดีม.112ทั้งระบบ
ทางด้านความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดมาตรา 112 ที่อยู่ระหว่างหลบหนีไปเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศนั้น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงว่า กระทรวงยุติธรรมรับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้ดูแลทั้งระบบไม่ใช่เรื่องติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีอย่างเดียว
ลั่นเอาจริงยกระดับเป็นวาระรบ.
ดังนั้นตนจึงจัดระบบการทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1. พูดคุยทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ผู้กระทำผิดใช้เคลื่อนไหวให้รับรู้ว่าคนไทยไม่สบายใจและกังวล โดยผู้กระทำผิด พยายามผสมคดีการเมืองกับความผิด มาตรา112 กลุ่มที่ 2 ดูแล ป้องกันข่าวสาร ทางเทคโนโลยี สารสนเทศ และกลุ่มที่ 3 ติดตามผู้ต้องหา
“ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมคณะทำงานจากทุกหน่วยที่มีภารกิจดำเนินการกับผู้กระทำผิดมาตรา 112 ให้เป็นชุดเดียว ยกระดับเป็นการดำเนินการระดับรัฐบาลไม่ใช่ระดับกรมทำเหมือนเคยเพื่อดำเนินการอย่างจริงจัง”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ดีเอสไอเตรียมถกบัวแก้ว-อสส.
ขณะที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่าในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น.จะประชุมระดมความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ อัยการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหามาตรการและกำหนดกรอบการทำงานเพื่อให้ได้ข้อยุติในการดำเนินการให้มีความคืบหน้าบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่รมว.ยุติธรรมและนายกฯสั่งการ
ไอซีทีส่องดูไลน์หมิ่นสถาบัน
ส่วนนายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่น“ไลน์” ประมาณ 33 ล้านคน โดยมีการส่งข้อความวันละเกือบ 40 ล้านข้อความ ซึ่งกระทรวงไอซีทีสามารถสอดส่องตรวจดูได้หมดว่ามีการส่งต่อข้อความประเภทไหนบ้าง พบว่ามีการส่งข้อความหมิ่นประมาท ข้อความหมิ่นสถาบัน และข้อความที่มีผลกระทบด้านความมั่นคงจำนวนมาก และกำลังถูกจับตาเป็นพิเศษ
แนะแจ้งความเอาผิดถึงต้นตอ
อย่างไรก็ตามหากใครได้รับการส่งต่อข้อความประเภทนี้ สามารถนำข้อความนั้นไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้กระทรวงไอซีทีดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ในการไปตรวจสอบหาต้นตอที่ส่งมาได้ ส่วนกรณีถ้าถูกจับกุมแล้วอ้างว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะตามกฎหมายแล้วถือว่าเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิด ดังนั้นทางที่ดี ทุกคนไม่ควรส่งต่อข้อความประเภทนี้
นอกจากนี้ทางไอซีทีเตรียมขอหมายศาลเพื่อนำไปประสานกับกระทรวงต่างประเทศเพื่อส่งหมายศาลไปยังประเทศต้นทางของเว็บไซต์ แจ้งว่าเว็บไซต์นั้นๆทำผิดกฎหมายไทย เพราะมีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน ซึ่งมีประมาณ 20-30 เว็ปไซต์และทำเป็นขบวนการ
“บิ๊กป้อม”สั่งกำลังพลห้ามโพสต์
ด้านพ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพแจ้งเตือนกำลังพลใช้วิจารณญาณ ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสังคมออนไลน์ให้มากขึ้นให้รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาหากกระทำการที่ผิดกฎหมายตามพรบ.คอมพิวเตอร์ รวมทั้งจะต้องไม่โพสต์ ส่งต่อข้อความ หรือข่าวสารที่ไม่สมควร ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเด็ดขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี