31 ม.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นำโดย นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ และนางพะเยาว์ อัคฮาด เป็นต้น ได้เข้าพบ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน ณ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน(กสม.) เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการดำเนินงานตรวจสอบข้อเท็จจริง, เยียวยา ดูแลและอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย จากการชุมนุมทางการเมืองในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ว่า มีปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานอย่างไรบ้าง
โดย นายบุญเลิศ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สปช.ได้นำหนังสือลงนามโดย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานกรรมการศึกษาการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ถึง กสม. เพื่อขอเอกสารรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่ง กสม. เป็นหน่วยงานเดียว ที่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำบันทึกคำบอกเล่าของผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบ
นพ.นิรันดร์ ได้แจ้งกรรมการฯว่า บันทึกคำบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง 22 พฤษภาคม 2557 กสม.กำลังอยู่ระหว่างจัดพิมพ์เอกสารดังกล่าว แต่ขอให้ระวังการนำข้อมูลไปใช้ เพราะเป็นคำบอกเล่าของผู้ได้รับผลกระทบและประสบเหตุ ซึ่งต่างจากรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีการตรวจสอบข้อมูลถี่ถ้วน โดยอิงข้อมูลจากหน่วยงาน และบุคคลหลายฝ่ายมาตรวจสอบ
ส่วนรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น อาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน เนื่องจากทาง กสม.ทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ ได้มีการเชิญทุกฝ่ายมาชี้แจง ให้ข้อมูล โดยต้องตรวจสอบข้อมูลจากรายงานของฝ่ายตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ รวมทั้ง คำสั่งและข้อมูลที่ฝ่ายรัฐบาลใช้ในการปฏิบัติการควบคุมการชุมนุมซึ่งในคณะนี้ ทาง กสม.ยังไม่ได้ข้อมูลชุดนี้มาประกอบการตรวจสอบ ที่มีข้อมูลแล้วคือเหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง, วัดศรีเอี่ยม, และรามคำแหง
โดย นพ.นิรันดร์กล่าวว่า รายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้ ทาง กสม. จะทำข้อเสนอแนะในเรื่องการป้องกันเหตุความรุนแรงและหลักเกณฑ์ในการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมตามหลักสิทธิมนุษยชนอีกด้วยโดยเสนอในรูปแบบของร่าง พรบ. "สิทธิในการชดเชยเยียวยา" แก่ผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุมด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองและเมื่อจัดทำรายงานเสร็จ ก็พร้อมนำรายงานดังกล่าวส่งให้กรรมการปรองดอง
ในเรื่องการเยียวยา นพ.นิรันดร์ ได้ให้คำแนะนำว่าควรเน้นการฟื้นฟูด้วย และมองเป็นกระบวนการซึ่งต้องใช้วิธีการต่างๆ คือ มีข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ซึ่งมีหลายชุด,การทำประชาเสวนา ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ให้เกิดการปรองดองระหว่างประชาชนกับประชาชน, ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด, เยียวยา ฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ และหาขอบเขตในการอำนวยความยุติธรรม ซึ่งอาจต้องใช้การนิรโทษกรรม
ทั้งนี้ ตัวแทนกรรมการศึกษาการสร้างความปรองดองได้แจ้ง นพ.นิรันดร์ ว่าทางกรรมการได้เปรียบเทียบข้อมูลจากรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดอง (คอป.) และศูนย์ข้อมูลประชาชน (ศปช.) ในบางส่วนแล้ว และได้รวบรวมข้อมูลผู้ต้องคดี ผู้ได้รับและไม่ได้รับการเยียวยาจากแหล่งต่างๆ ไว้บ้างแล้ว ซึ่งต่อไปจะมีการจัดประชุมเพื่อวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลที่รวบรวมมาได้ และจะขอให้ทาง นพ.นิรันดร์ และผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานกับ กสม. มาร่วมให้ความเห็นด้วย
สำหรับการเยี่ยมผู้ต้องขังจากเหตุการณ์ปี 2553 ที่ทาง กสม.เคยไปที่เรือนจำหลักสี่นั้น หลังจาก 22 พฤษภาคม 2557 ที่มีการปิดเรือนจำและย้ายผู้ต้องขังไปยังเรือนจำอื่นๆ นั้น ทาง กสม.ทราบว่าผู้ต้องขังบางส่วนถูกย้ายไปยังเรือนจำในภูมิลำเนา เช่น อุบลราชธานี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี