ปิดหมายศาลหน้าบ้าน/”ปู”ไม่อยู่
นัด19พค.เปิดคดีจำนำข้าว
กกต.ยกคำร้องทัวร์นกขมิ้น
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และเจ้าหน้าที่จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เดินทางไปบ้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลขที่ 38/9 ซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. จำเลยความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว เพื่อปิดประกาศหมายนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 19 พฤษภาคม เวลา 9.30 น. ที่ศาลฎีกาฯ พร้อมแนบสำนวนคำฟ้องในคดีดังกล่าว กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมาด้วย
“ปู”ไม่อยู่!ปิดหมายไว้หน้าบ้าน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จาก อสส.ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำบ้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อขอให้ออกมารับหมายนัดพิจารณาคดีครั้งแรก แต่ปรากฏว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่อยู่บ้าน เจ้าหน้าที่จาก อสส. จึงต้องปิดประกาศหมายนัดดังกล่าวไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เลขที่ 38/9 ซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.
เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนจะกลับมาเวลาไหน ไม่ทราบ ซึ่งปกติน.ส.ยิ่งลักษณ์มีบ้านอยู่ 2 หลังคือที่กทม. กับที่จ.เชียงใหม่ ปกติถ้าอยู่กรุงเทพฯ ก็จะพักอยู่ที่บ้านหลังนี้ตลอด
นัดให้ไปแสดงตนต่อศาล19พค.
สำหรับขั้นตอนตามระเบียบศาลฎีกาฯ เมื่อเจ้าหน้าที่ปิดหมายตามที่อยู่ของจำเลยในคำฟ้องแล้ว ถ้าไม่มีผู้รับหมาย ผ่านไป 15 วันให้ถือว่าจำเลยรับทราบหมายโดยชอบแล้ว ส่วนวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกของศาลฎีกาฯวันที่ 19 พฤษภาคมนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องไปแสดงตัวต่อศาลด้วย จากนั้นศาลจะสอบคำให้การจำเลยว่าจะสารภาพหรือปฏิเสธ รวมทั้งศาลจะมีคำสั่งเรื่องขอปล่อยชั่วคราวด้วย
“ปู”รู้แล้วหมายศาลปิดหน้าบ้าน
แหล่งข่าวใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์รับทราบหมายแจ้งนัดพิจารณาคดีอาญาจำนำข้าวนัดแรกวันที่ 19 พฤษภาคมแล้ว และเห็นว่าเป็นธรรมเนียมปฎิบัติตามปกติตามขั้นตอนยุติธรรมเหมือนสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทั้งนี้ หลังเจ้าหน้าที่ปิดประกาศหมายนัดพิจารณาคดีดังกล่าวแล้ว เมื่อสื่อมวลชนเดินทางไปสังเกตการณ์ ปรากฎว่าหมายนัดพิจารณาคดีดังกล่าวถูกนำออกไปแล้ว
ทีมทนายนัดหารือสู้คดีสัปดาห์นี้
ขณะที่นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เป็นวิธีการส่งหมายของศาลตามปกติ หากจำเลยไม่อยู่ เจ้าหน้าที่ก็จะนำไปแขวนที่หน้าประตูบ้าน เหมือนคดีทั่วไป และมีผลทางกฎหมาย จากนี้ทีมทนายจะนำคำฟ้องมาศึกษา หาแนวทางสู้คดีต่อไป โดยจะนัดประชุมกันภายในสัปดาห์นี้
25มีค.เลือกองค์คณะคดี“บุญทรง”
ด้านนายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาเปิดเผยว่า วันที่ 25 มีนาคม เวลา 09.30 น. นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกานัดประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษา 9 คนคดีที่อสส.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ พร้อมพวกรวม 21รายกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)โดยมิชอบทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งเมื่อได้องค์คณะครบ 9 คนแล้ว จากนั้นจะประชุมเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี 1 คนต่อไป
ตั้ง“จำเริญ”หาคนรับผิดแพ่งจีทูจีเก๊
ขณะเดียวกัน มีความคืบหน้าการเอาผิดทางแพ่งผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตการระบายข้าวจีทูจี โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเผยว่า ได้รายชื่อคณะกรรมการพิจารณาข้อเท็จจริงและกำหนดจำนวนข้าวเสียหาย และคณะกรรมการพิจารณาเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และกำหนดจำนวนค่าเสียหาย โดยจะดูมูลค่าความเสียหาย รวมถึงตัวบุคคลที่จะมารับผิดเท่านั้น ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้นายกฯจะลงนามแต่งตั้ง จากนั้นจะนัดประชุมพิจารณาว่า จะฟ้องผู้ใดบ้าง และจะฟ้องผู้ใดเพิ่มหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า สามารถยื่นฟ้องได้เลย และคณะกรรมการฯจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายแต่ละคนตามมูลค่าไม่เท่ากัน
“ปู”เฮ!กกต.ยกคำร้องทัวร์นกขมิ้น
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติยกคำร้องคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลงพื้นที่ตรวจราชการในภาคเหนือและอีสานช่วงมีพ.ร.ฎ.กำหนดให้เลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557ว่า เป็นการกระทำผิดฐานใช้ทรัพยากรและบุคลากรของรัฐไปใช้ในการหาเสียง ขัดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 181 (4) และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. มาตรา 53 และ 57 โดยกกต.เห็นว่า แม้ในขณะนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมีสถานะเพียงรักษาการนายกฯและรมว.กลาโหม เนื่องจากยุบสภา แต่ก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจราชการได้ ซึ่งในคำร้องกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้ทรัพยากรของรัฐและส่วนราชการไปใช้หาเสียง แต่จากการพิจารณาข้อเท็จจริงก็ไม่พบการกระทำดังกล่าว ดังนั้น กกต.จึงมีมติยกคำร้อง
ปชป.รอดคดียุบพรรคด้วย
นายดุษฎีกล่าวต่อว่า กกต.ยังพิจารณาสำนวนคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่ม กปปส. ขณะที่ยังเป็น ส.ส. อยู่ และรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนให้มีการชุมนุม รวมถึงบิดเบือนข้อเท็จจริงโจมตีพรรคเพื่อไทย โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าการกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนกฎหมาย กกต.จึงพิจารณายกคำร้อง
“มาร์ค”ส่งทนายแจงข้อหาทุบแดง
มีความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาคดีถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯและอดีต ผอ.ศอฉ.ขณะนั้น กรณีสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงปี 2553 โดยนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของนายอภิสิทธิ์ เข้ายื่นเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อ ป.ป.ช. โดยเอกสารแก้ข้อกล่าวหามีทั้งหมด 47 แผ่น และมีเอกสารประกอบคำชี้แจง 40 รายการ ประกอบด้วย เอกสารราชการ ภาพถ่ายและแผ่นซีดีบันทึกเหตุการณ์ชายชุดดำ ซึ่งได้บรรจุในลังกระดาษ 6 กล่อง
นายบัณฑิตกล่าวว่า หลังนายอภิสิทธิ์ยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาคดีดังกล่าวแล้วจะมาชี้แจงด้วยตัวเองเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับการนัดหมายของ ป.ป.ช.โดยยืนยันไปว่าทุกคำสั่งออกโดยถูกต้องตามกฎหมาย และระบุชัดเจนว่า การปฏิบัติหน้าที่ต้องไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่เมื่อมีชายชุดดำขึ้นมา ทำให้เกิดเหตุรุนแรง อีกทั้ง ยังเกิดเหตุการณ์ที่กลุ่ม นปช. ยึดกระสุนปืนของทางราชการไปยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐด้วย
อ้าง“บิ๊กป๊อก-ถวิล”เป็นพยาน
สำหรับพยานที่นายอภิสิทธิ์ยื่นต่อป.ป.ช.มี 2 คนคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และรอง ผอ.ศอฉ.ขณะนั้น และนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเลขาธิการ ศอฉ. เป็นพยาน เนื่องจากเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนสาเหตุที่ไม่ยื่นรายชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นพยาน เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงรอง ผบ.ทบ.ขณะนั้น ซึ่งจะทับซ้อนกับพล.อ.อนุพงษ์เชื่อว่า พยานที่นายอภิสิทธิ์ ยื่นไป เต็มใจที่จะมาเป็นพยาน และมั่นใจว่าจะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ได้
“บิ๊กป๊อก-ถวิล”พร้อมให้ข้อมูล
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ยื่นรายชื่อเป็นพยานคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553ว่า ยังไม่เห็นหนังสือแจ้ง และนายอภิสิทธิ์ยังไม่ประสานมา แต่ถ้าต้องการความจริงก็พร้อมร่วมมือ ถ้ามีหนังสือเชิญมาตนพร้อมเป็นพยาน ไม่มีความลับ จะพูดไปตามความจริง
เช่นเดียวกับ นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และอดีตเลขาธิการ สมช.ที่ระบุว่า ไม่มีปัญหา เพราะขณะเกิดเหตุชุมนุมตนเป็นเลขานุการ ศอฉ. และเคยบอกไว้ว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ตนพร้อม เมื่อนายอภิสิทธิ์ติดต่อมาให้ไปเป็นพยานก็ยินดี โดยจะให้ข้อมูลกับป.ป.ช.เหมือนที่เคยใช้ต่อสู้ในชั้นศาลช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ออกหนังสือเล่าเรื่องสอย“ปู”
นายถวิลเปิดเผยด้วยว่า ตนจะเปิดตัวพ๊อกเกตบุ๊คเล่มแรกของตัวเองชื่อว่า “ถวิล เปลี่ยนศรี เวลาเปลี่ยน คนไม่เปลี่ยน” บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ในระยะเวลากว่า 3 ปีช่วงที่ถูกย้ายจากตำแหน่งเลขาฯสมช.อย่างไม่เป็นธรรม ตั้งแต่ร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ไปถึงศาลปกครอง จนจบลงที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ รวมทั้งยังมีเรื่องการเข้าไปร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชน กปปส.อีกด้วย
เจียดพื้นที่ให้“ธาริต”2บทเต็มๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพ๊อกเกตบุ๊คดังกล่าว มีเนื้อหา 24 บท เป็นรายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังการต่อสู้และร้องเรียนต่างๆ รวมทั้งความเป็นมาตั้งแต่วัยเด็ก ชีวิตครอบครัว จนถึงการเข้ารับราชการ นอกจากนี้ ยังได้เขียนถึง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งร่วมทำงานในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อครั้งมีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ปี 2553 ไว้ถึง 2 บท
รบ.เลื่อนแถลงผลงานเป็น17เมย.
ด้านร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า จากเดิมที่รัฐบาลกำหนดวันแถลงผลงานครบรอบ 6 เดือนในวันที่ 10 เมษายน แต่เนื่องจากเห็นว่า ใกล้เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว จึงเตรียมเสนอนายกฯเลื่อนการแถลงผลงานเป็นวันที่ 17 เมษายนแทน โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพียงคนเดียวก่อน จากนั้นจะให้แต่ละกระทรวงไปแถลงผลงานที่กระทรวง ทุกวันเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไป
“บิ๊กป้อม”ยั๊วะแอมเนสตี้เต้าข่าว
ส่วนประเด็นที่สำนักงานเลขาธิการใหญ่แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ประจำกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เรียกร้องสมาชิกทั่วโลกส่งจดหมายถึง ผบ.ทบ.และ ผบ.ตร.ของไทย เพื่อแสดงความห่วงใยกรณีผู้ถูกควบคุมตามกฎอัยการศึกเสี่ยงต่อการถูกทรมาน สร้างความไม่พอใจให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม โดยย้อนถามว่าอย่างมีอารมณ์ว่า “ผมไปทรมานใคร” ให้เอาเรื่องจริงมาพูด ข่าวลือก็คือข่าว ก็บอกว่าไม่ได้ทำ ที่จับมาก็เพราะทำผิดและต้องสอบสวน จะไปทำอะไรได้ กฎอัยการศึกไม่ได้ให้อำนาจให้เจ้าหน้าที่ซ้อมผู้ต้องหา รับรองเราไม่ได้ทำ กฎอัยการศึกที่ คสช.และรัฐบาลใช้อยู่ตอนนี้มีเพียง 2 กรณีคือ ตรวจค้น การออกหมายจับ นอกนั้นไม่ได้ใช้เลย แต่ก็เอามาอ้างกันอยู่ตลอด ซึ่งตนปรึกษากับนายกรัฐมนตรีว่าจะทำอย่างไร ดูเพื่อให้ต่างชาติได้สบายใจ
ขอตัวนักโทษผิดม.112ส่อหวืด
ผู้สื่อข่าวถามถึงการติดตามตัวบุคคลที่ทำผิดและหนีไปต่างประเทศ ทั้งในมาตรา 112 และ ก่อการร้าย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากฎหมายบางอย่างของเราไม่มีในประเทศเขา และไม่ได้เซ็นเอ็มโอยูกันไว้ ไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือผิดกฎหมายอาญา ส่วนความผิดคดีก่อการร้าย ก็ต้องขอตัวมา เพราะเรามีเอ็มโอยู ก็จำเป็นที่เขาต้องส่งตัวให้เรา ส่วนที่อ้างว่าเป็นเรื่องการเมือง ก็ต้องสู้กันว่าไปตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี