รัฐบาลยันม.44ใช้ปราบอำนาจชั่ว 'บิ๊กตู่'ส่งตัวแทนชี้แจงต่างชาติ
วันอาทิตย์ ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558, 15.48 น.
Tag :
5 เม.ย. 58 เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ท่านอากาศยานทหารกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้อำนาจคำสั่ง คสช. มาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 ว่า หลังมีคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ออกมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างต่อเนื่อง แต่หากตรวจสอบตามผลโพลล์ทั่วไปจากหลายสำนักจะเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเชื่อมั่น เชื่อถือกับทาง คสช. และรัฐบาลรวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรี ว่าจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ ไม่เฉพาะเรื่องการควบคุมสถานการณ์ ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง แต่จะใช้ในเรื่องการแก้ไขปัญหาในระบบการบริหารที่เป็นปัญหาแต่เก่าก่อน และถ้าแก้ปัญหาโดยขั้นตอนปกติอาจจะทำไม่ทัน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และภาคประชาชน จึงจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตามประกาศของ คสช.
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงในเรื่องความเข้าใจของคนไทยด้วยกันเองในเรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่วันนี้จากผลโพลล์เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความเข้าใจมากขึ้น ยกเว้นสื่อต่างประเทศที่อาจไม่เข้าใจในบริบทของประเทศไทยมากนักทำให้มีความวิตกกังวล ซึ่งงนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในการที่เอาคนในประเทศเป็นหลัก แต่ไม่ละเลยเรื่องของต่างประเทศ พยายามที่จะชี้แจงทำความเข้าใจอย่างสร้างสรรค์ โดยในวันอังคารที่ 7 เม.ย. นี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ คสช. และฝ่ายรัฐบาล นำโดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายเสข วรรณเมธี อธีบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงต่างประเทศ และพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. เป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจ เรื่องดังกล่าวกับทางตัวแทนสำนักข่าวต่างประเทศ ที่กระทรวงต่างประเทศ และจะเชิญเอกอัครราชทูต แต่ละประเทศมารับฟังบ้าง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรา 44 ไม่ได้เพิ่งมีในวันนี้ แต่มีมาตั้งแต่ประกาศรัฐธรรมนูญชั่วคราว และถ้าย้อนกลับไปดู คสช. ยังไม่เคยใช้มาตรา 44 ไปรุกรานสิทธิใครเลย เคยใช้เพียงแค่ครั้งเดียว ในช่วงที่มีการหมดวาระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมาใช้อีกครั้งตอนประกาศคำสั่ง คสช. ฉบับล่าสุด
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนด้วยว่า ตามประกาศคำสั่งของ คสช. ที่ได้มีการกล่าวถึงสื่อมวลชนที่ระบุว่า คสช. มีอำนาจ และสามารถระงับยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นภัย หรือเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง ยืนยันว่าที่ผ่านมา คสช. และรัฐบาลไม่เคยทำอะไรในลักษณะเช่นนั้น เพียงแต่มีการเขียนครอบคลุมไว้ก่อน ซึ่งปัจจุบันสื่อส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งคสช. ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมาตรา 44 ไม่สามารถไปจับใครมาลงโทษจำคุก หรือดำเนินคดีได้ เพียงแต่เป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ตรวจสอบในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่ต้องขอหมายศาล และเมื่อได้ตัวเรียบร้อยก็ต้องส่งให้พนักงานสอบสวน ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าผิดก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด จึงขอให้มั่นใจว่า คสช. จะไม่ไปละเมิดสิทธิหน้าที่ของสื่อแต่อย่างใด
"ที่ผ่านมาการใช้กฎอัยการศึก เราทำเพียงไม่กี่ประการ เช่น การห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน คดีความที่เกี่ยวข้องกับภัยร้ายแรงต่อชาติ เป็นต้น และเพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ จึงนำเฉพาะสิ่งที่ปฎิบัติมีเขียนใหม่ตามอำนาจมาตรา 44 จึงไม่ควรมีความกังวลใดๆ" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในส่วนที่ต่างประเทศยังมีข้อสงสัยเกิดลักษณะที่เรียกว่ากดดันนั้น อยากชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์บาดเจ็บล้มตาย ทุจริตมีการบุกรุกป่า ไม่รู้กี่คดีก็ไม่เคยจับกุมได้ อยากถามว่ารัฐบาลปกติ ดูแลได้หรือไม่ อย่างในปี 2553 ก็มีปัญหาใช้ทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคง และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังมีการบิดเบือนไม่รับผิดชอบ เรื่องอย่างนี้อย่ามาอ้างประชาชน หรือประชาธิปไตยกันอีกเลย เพราะคงไม่มีใครอยากให้กลับไปเป็นเหมือนเก่า อย่าลืมเหตุการณ์การทำลายการประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา จังหวัดชลบุรี กันเร็วนัก ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี และคสช. รู้ดีว่าควรใช้กฎหมายนี้แค่ไหน และจะใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง ซึ่งน่าจะดีกว่าคนที่เคยมีอำนาจ ที่อ้างประชาชน และมาทำผิดเสียเอง แล้วทำไมที่ผ่านมาไม่เห็นพูดถึงเผด็จการรัฐสภากันบ้าง อ้างประชาชนส่วนใหญ่ปลุกระดมให้เกิดความเข้าใจผิด
"แล้วที่ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ทหาร ตำรวจ เจ็บ และตาย คนเหล่านี้ไม่ใช่คนไทยหรือ มีการอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับชุดดำ ทั้งที่มีภาพปรากฎอยู่ ทุกอย่างพอจับได้ก็อ้างว่าสร้างสถานการณ์ ยืนยันว่ารัฐบาล และคสช. จะดำเนินการทุกอย่าง จะไม่ท้อแท้ตามหลักฐาน และกฎหมายที่มีอยู่ คนไม่ผิด ไม่ต้องร้อนตัว แต่จะเปิดในทุกคดีก็ขอให้เตรียมสู้กันในชั้นศาล และจะพยายามทำกันให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการรุกป่า การทุจริต และการโกง ส่วนคดีที่เกิดในปี 53 ก็จะเดินไปตามขั้นตอน ตามพยานหลักฐาน" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว