10 เม.ย.58 ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ผู้พิพากษาได้ออกบัลลังค์เพื่ออ่านคำพิพากษา คดีดำที่ อ.10182/45 และคดีแดงที่ 3579/49 ซึ่งอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ จำเลยที่ 1 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้มีหน้าที่ในการเลือกตั้งหรือเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือกระทำการโดยเจตนาขัดขวางไม่เป็นไปตามกฎหมาย และ นายปิติชาติ ไตรสุรัตน์ อดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ จำเลยที่ 2 ในฐานความผิดเดียวกัน และปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ซึ่งถือเป็นการนัดหมายในชั้นศาลฎีกาครั้งที่ 4 หลังจากที่ 3 ครั้งก่อนหน้านี้ จำเลยที่ 1 และ 2 ผลัดกันขอเลื่อนรับฟังคำพิพากษา
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดจริง และให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายชนม์สวัสดิ์ จำเลยที่ 1 ได้เดินทางมาที่ศาลตามนัด แต่นายปิติชาติ จำเลยที่ 2 ไม่ได้เดินทางมา โดยให้ทนายความแจ้งขอเลื่อนนัด เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพในขณะเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งแพทย์ได้ลงความเห็นให้พักค้างเพื่อติดตามอาการที่โรงพยาบาล
ต่อมาผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังค์ แต่ไม่สามารถอ่านคำพิพากษาได้ เนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่มาปรากฎตัว ก่อนจะมีคำสั่งให้เลื่อนอ่านคำพิพากษา เป็นวันที่ 22 มิ.ย.58 เวลา 13.30 น.พร้อมกำชับว่าคดีนี้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาหลายครั้ง ดังนั้น ขอให้จำเลยทั้งสองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงที่ใกล้วันที่ศาลนัด จากนั้นนายชนม์สวัสดิ์ได้เดินทางออกจากศาลทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวถูกขนานนามว่า "โคตรโกง" โดยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2542 ซึ่งมีผู้สมัคร 2 กลุ่ม คือ กลุ่มปากน้ำ 2000 ของนายชนม์สวัสดิ์ และกลุ่มเมืองสมุทร ของ นายประสันต์ ศีลพิพัฒน์ ได้มีการจับภาพชายลึกลับกำลังนำบัตรเลือกตั้งผีมาใส่ในหีบบัตร ต่อมา นายประสันต์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวหาว่า มีการทุจริตการเลือกตั้ง จนเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2545 อัยการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ยื่นฟ้อง นายชนม์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มปากน้ำ 2000 และผู้สมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการ เป็นจำเลยที่ 1 และนายปิติชาติ ซึ่งเป็นปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการในสมัยนั้น เป็นจำเลยที่ 2 โดยในการพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความทั้งสองฝ่ายได้นำพยานเบิกความต่อสู้คดีรวม 50 ปาก ก่อนที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการจะอ่านคำพิพากษา ให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา
จากนั้น นายชนม์สวัสดิ์ และนายปิติชาติ ได้นำหลักทรัพย์มายื่นประกันตัวออกไป เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ก่อนที่ นายชนม์สวัสดิ์ และนายปิติชาติ จะยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นฎีกา โดยศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษามาแล้ว 3 ครั้ง แต่ทางจำเลยทั้งสองได้ผลัดกันขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาออกไป จนศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาครั้งที่ 4 ในวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี