แก้รธน.ทํา‘ประชามติ’
ยืดเลือกตั้ง
เร็วสุดสิงหา-กันยาปี’59
ครม.-คสช.ขยายโรดแมป
กมธ.ยกร่างฯชี้ลากถึงปี’60
‘วันชัย’ยุคว่ำ-เซฟ3พันล้าน
แฉ6ปมเชื่อ‘สปช.’ตีตกแน่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคสช.โดยมีประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามอง คือการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อขอทำประชามติหรือไม่
ไฟเขียวแก้รธน.ทำประชามติ
ต่อมา เวลา 14:26น.พล.อ.ประยุทธ์ แถลงหลังประชุมร่วมระหว่าง ครม.และคสช.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อให้ทำประชามติ เพราะเป็นขั้นตอนต่อไปที่ต้องดำเนินการ ยืนยันว่าทันเวลา ถ้าสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องมีการทำประชามติ หน้าที่ของเราก็คือ ทำกฎหมายให้สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวเท่านั้นเอง โดย คสช.จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะ คสช.เป็นต้นกำเนิดและได้มอบหมายโดยตั้งคณะทำงานขึ้นมาคือสปช.ซึ่งตนพูดมานานแล้วและสังเกตุได้ว่า ตนจะไม่ตอบเรื่องในเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตั้งสปช.
‘ขอร้องสื่ออย่าเพิ่งตีความยาวเหยียดไปข้างหน้า วันนี้ขอให้รอก่อนว่า สปช.จะผ่านหรือไม่ผ่าน รัฐธรรมนูญจะแก้หรือไม่แก้ก็อยู่ที่ว่า ถ้าผ่านรัฐธรรมนูญก็ทำประชามติ ต้องไปว่ากันมา วันนี้เขาเสนอมาว่า จะทำประชามติ ผมก็ต้องเตรียมตั้งหลักไว้ก่อน’พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘บิ๊กตู่’ยอมรับยืด’โรดแมป’
ผู้สื่อข่าวถถามว่า กำหนดกรอบเวลาไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขามีระยะเวลาอยู่แล้ว ซึ่งรายละเอียดและความชัดเจน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีรายละเอียดอยู่ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่ตามใจตน เมื่อถามว่า แสดงว่าโรดแมปของรัฐบาลต้องยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไม่รู้ซิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าทำประชามติก็ต้องเลื่อนเวลาออกไปอยู่แล้ว เพราะต้องใช้เวลาการทำประชามติ เมื่อถามว่า คาดว่าจะทำประชามติได้เดือนไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่รู้ ตนเพียงแต่เตรียมกันไว้ ถ้า สปช.เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญก็จะได้ให้เขาทำ เขาอาจจะไม่ทำก็ได้ ก็แล้วแต่เขา อย่าไปคาดกันมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามติจะถามเพียงว่า ควรผ่านหรือไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียวหรือจะถามเรื่องอื่นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องแบ่งงานให้เขาทำหน้าที่ ซึ่งก็ต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณ ถ้ารับกันได้ก็รับกันไป
วิษณุชี้แก้รธน.ใช้เวลา15วัน
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวหลังประชุมร่วมระหว่างครม.กับ คสช.ว่า ที่ประชุมมีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี2557 เพื่อเปิดทางทำประชามติในอนาคตโดยเร็ว ซึ่งสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมิถุนายน โดย ครม.และคสช.จะเป็นผู้เสนอแก้ไขโดยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้ไขเพิ่มเติมภายใน 15วัน ทั้งนี้ การทำประชามติขึ้นอยู่กับการพิจารณารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 6สิงหาคมนี้ด้วย
เลื่อนเลือกตั้งอย่างเร็วสค-กย.59
นอกจากนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เป็นผู้จัดทำประชามติ โดยจะต้องพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญและแจกให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 47ล้านคน ใช้เวลา 2-3เดือนและต้องความเข้าใจกับประชาชนอีก 1เดือน ทำให้การทำประชามติอาจใช้เวลา 3-4เดือน ซึ่งไม่อาจกำหนดวันที่แน่ชัดได้ แต่จะไม่เกินเดือนมกราคม2559 การทำประชามติมีข้อเสียเรื่องงบประมาณในการทำที่สูงถึง 3พันล้านบาท ทำให้ต้องยืดเวลาออกไปและอาจเกิดการรณรงค์บางอย่างที่ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งได้ จึงต้องฟังเสียงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน หากการทำประชามติผ่านความเห็นชอบในเดือนมกราคม2559 ก็จะต้องมีการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาด้วย โดยคาดว่าจะใช้เวลารวม 4 เดือน ก่อนประกาศใช้และต้องจัดเลือกตั้งภายใน 90วัน หรือภายในเดือนสิงหาคม-กันยายน2559
ขยายเวลารื้อรธน.60เป็น90วัน
นายวิษณุ ระบุด้วยว่า ที่ประชุมร่วม ครม.-คสช.ได้เสนอให้เพิ่มเวลาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจากเดิมที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) มีกรอบเวลาเพียง 60วัน ขยายเป็น 90วัน เนื่องจากมีฝ่ายต่างๆเสนอให้แก้ไขจำนวนมาก ที่ประชุมจึงเห็นว่า มีความสำคัญและนัดประชุม ครม.นัดพิเศษเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆอีกครั้งในวันที่ 25พฤษภาคม พร้อมกันนี้จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลการร่างรัฐธรรมนูญด้วย อย่างไรก็ตาม วันที่ 22 ,26และ27พฤษภาคมนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายและการเมืองจากฝรั่งเศสและเยอรมัน จะมาบรรยายในหัวข้อ การผ่านพ้นวิกฤติประชาธิปไตย ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในการบรรยายจะมีตัวแทน ครม.,สนช.และสปช.เข้าร่วมในการรับฟังด้วย
กมธ.คาดเลือกตั้งสส.ต้นปี2560
ขณะที่ พล.ท.นคร สุขประเสริฐ กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าจะทำให้การเลือกตั้ง สส.จะเกิดขึ้นช่วงต้นปี2560 จากเดิมที่โรดแมปของคสช.กำหนดไว้ช่วงเดือนเมษายน2559 เพราะหากดูตามกรอบเวลาทำงานที่สำคัญ ได้แก่ ขยายเวลาที่ สปช.ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็น จากวันที่ 6สิงหาคม ออกไปอีกไม่เกิน 1เดือน เพราะได้ขยายเวลาทำงานของ กมธ.ยกร่างฯจะทำให้วันที่ สปช.ลงมติอยู่ช่วงต้นเดือนกันยายน จากนั้นต้องใช้เวลาทำประชามติ ไม่น้อยกว่า 5เดือนและหากประชามติผ่าน สปช.ต้องใช้เวลาประมาณ 1เดือนเพื่อพิจารณาร่าง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3ฉบับ ได้แก่ พรบ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง , พรรคการเมืองและส.ส.การได้มาซึ่ง ส.ว.ก่อนส่งให้ สนช.พิจารณาอีกประมาณ 2เดือน จากนั้นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเนื้อหาอีกประมาณ 1เดือน จากนั้นช่วง 90วัน ต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งสส.และการได้มาซึ่งสว.ดังนั้นจะทำให้วันเลือกตั้งเลื่อนออกไปเป็นประมาณต้นปี2560
ปมแก้ต้องไม่กระทบ4เจตนารมณ์
พล.ท.นคร กล่าวต่อว่า กรณีที่ ครม.ขยายเวลาการทำงานของ กมธ.ยกร่างฯ เพิ่มอีกไม่เกิน 30วันนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ กมธ.ยกร่างฯ เสนอ แต่เป็นความคิดของ ครม.ที่เห็นว่า การพิจารณาคำขอแก้ไขของ สปช.และครม.รวมทั้งส่วนอื่นๆที่มีจำนวนมากจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อพิจารณาให้รอบคอบและสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เสนอแก้ไข เช่น ระบบเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์ หรือระบบกลุ่มการเมือง ต้องเอามาพิจารณาในที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯ อีกครั้ง แต่ยอมรับว่า การแก้ไขประเด็นใดต้องพิจารณาให้อยู่ภายใต้หลักการสำคัญที่ได้วางไว้ใน 4เจตนารมณ์ คือ พลเมืองเป็นใหญ่ การเมืองใสสะอาดและสมดุล หนุนสังคมให้เป็นธรรมและนำชาติสู่สันติสุข ซึ่งหากคำขอแก้ไขใดที่กระทบต่อเจตนารมณ์ ก็ต้องพิจารณากันอีกครั้งว่าจะทดแทนกันอย่างไร
ตั้งกรรมาธิการฯเต็มสภาถก3วาระ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คนที่1 กล่าวถึงกรณีครม.และคสช.ตัดสินใจให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตามขั้นตอนจะต้องส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาให้ สนช.ตามมาตรา46 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อให้สนช.พิจาณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบภายใน 15วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับร่างแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งสนช.ไม่มีอำนาจในการแก้ไขเนื้อหาหรือเสนอคำแปรญัตติ เว้นแต่ ครม.และคสช.จะเห็นชอบด้วย
‘การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม คงไม่พิจารณาเหมือนกฏหมายปกติที่ต้องพิจารณา 3วาระ เนื่องจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดให้ สนช.ต้องเร่งดำเนินการภายใน 15วัน ดังนั้น สนช.อาจตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อพิจารณา 3วาระรวด แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ให้สมาชิกสนช.มีเวลาศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความรอบคอบและเมื่อประกาศให้ทำประชามติ รัฐบาลและคสช.ต้องผ่อนปรนข้อห้ามการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อให้แต่ละฝ่ายแสดงความคิดเห็นได้ เพราะเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการประชามติ ที่ต้องเปิดเวทีให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น” นายสุรชัย กล่าว
‘วันชัย’ จี้สปช.คว่ำเซฟ3พันล้าน
ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.)ได้แสดงความเห็นถึงร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า มีทีท่าว่าจะไปรอดหรือไม่ โดยตนเห็นว่ามี 6เหตุผลดังนี้1.ในแม่น้ำ 5สาย บางส่วนบางกลุ่มไม่เห็นด้วยหลายเรื่อง 2.สปช.แม้จะเป็นแม่น้ำสายเดียวกัน ก็มีความเห็นต่างกันและยังเสนอแก้หลายประเด็น 3.พรรคการเมืองขนาดใหญ่ 2พรรคก็ไม่เห็นด้วย 4.กลุ่มข้าราชการก็ลุกขึ้นมาปฏิเสธความเป็นใหญ่ของประชาชน 5.ชาวบ้านทั่วไปยังเฉยๆ ไม่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สนับสนุนรัฐธรรมนูญ 6.รัฐธรรมนูญที่ร่างมาเป็นฉบับปฏิรูป จึงผสมปนเปกันอีรุงตุงนังไปหมด มีทั้งอุดรูรั่ว แก้ปัญหาอดีต ป้องกันปัญหาในอนาคต สับสนอลหม่านไปหมด
“เมื่อพิจารณาโดยรวมและสภาพสถานการณ์ในขณะนี้แล้ว ขืนเดินหน้าทำประชามติต่อไป อาจจะไปไม่รอด ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเงิน 3พันล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ สปช.ก็ควรจะคว่ำหรือไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญดีกว่า” นายวันชัย กล่าว
‘สมชาย’เผย3ทางออกหากคว่ำ
นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญแล้วไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร ว่า มีอยู่ 3ทางเลือกคือ 1.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ2557 คือ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ 2.ใช้ร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ยกร่างฯมาปรับปรุงแก้ไข หรือ 3.ใช้รัฐธรรมนูญปี2550 มาเป็นหลักในการพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่มีปัญหา หากเป็นทางเลือกแรกการเลือกตั้งก็จะช้าออกไปมากกว่าการนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมามาปรับปรุงใช้ ซึ่งน่าจะดำเนินการรวดเร็วกว่าการเริ่มต้นตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างฯชุดใหม่ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ครม.และคสช.
‘เอกนัฏ’คาด’พระสุเทพ’สึกก.ค.
ด้าน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่ม กปปส.กล่าวถึงข่าวการลาสิกขาของ พระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกลุ่ม กปปส.ว่า ตนได้พูดคุยกับ พระสุเทพ วึ่งท่านไม่ได้บอกว่า มีกำหนดจะลาสิกขาแต่อย่างใด เชื่อว่า ถ้าจะลาสิกขาก็คงจะบอกกล่าว ข่าวนี้มาจากการบินลงไปสัมภาษณ์ของ นายเถกิง สมทรัพย์ ผอ.สถานีโทรทัศน์ช่องฟ้าวันใหม่ กับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เพื่อมาออกอากาศในช่องดังกล่าว ทั้งนี้ พระสุเทพ กล่าวในการบันทึกเทปตอนหนึ่งว่า “สึกเมื่อไหร่ ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่พอคิดได้แล้วว่า จะไม่เป็นพระตลอดไป คิดว่าจะออกไปทำงานกับประชาชนไปสร้างความเข้มแข็งให้มวลมหาประชาชน ส่วนจะสึกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”โดยคนใกล้ชิดคาดว่า น่าจะลาสิกขาในปลายเดือนกรกฎาคม ก่อนเข้าพรรษานี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี