'มาร์ค'ติงรัฐขายหุ้นใช้หนี้จำนำข้าว หวั่นสมบัติชาติถูกฮุบ-ปันผลสูญ
วันพุธ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 16.20 น.
Tag :
27 พ.ค. 58 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังมีแผนที่จะขายหุ้นของรัฐบาลจำนวนแสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้หนี้ในโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนว่า ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะขายหุ้นตัวใด เพราะจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่ตามมา ซึ่งไม่มีอะไรได้มาฟรีถ้าขายหุ้นตอนนี้เท่ากับว่ากระทรวงการคลังจะไม่ได้รับเงินปันผลจากหุ้นตัวนั้นทุกปี จึงต้องคำนวณความคุ้มค่าหรือไม่และการขายหุ้นจะกระทบต่อสถานะทำให้รัฐวิสาหกิจต้องกลายเป็นของเอกชนหรือไม่ ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีหลังจะอ้างว่าขายเพื่อนำไปล้างหนี้ไม่ได้ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในกิจการที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
เมื่อถามว่า ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ลำบากถึงขนาดต้องขายสมบัติชาติเพื่อใช้แล้วหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ารัฐบาลต้องพยายามในการเจียดงบฯ เพื่อใช้หนี้ที่เป็นเงินต้นมากกว่านี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าการจะใช้หนี้ให้เสร็จใน 1-2 ปี คงทำไม่ได้ แต่รัฐต้องรับภาระบ้างไม่ใช่เลื่อนออกไป โดยการกู้เงินมาใช้หนี้หรือขายสมบัตืมาใช้หนี้ ตนติดว่าไม่ควรทำเพราะคนรุ่นนี้ต้องมีความรับผิดชอบกับการกู้ยืมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การผลักภาระไปให้ลูกหลานอย่างเดียว เพราะในข้อเท็จจริงรัฐยังสามารถขาดดุลได้มากกว่านี้ แต่การเลือกใช้วิธีกู้เงินหรือขายสมบัติชาติมาชำระหนี้ไม่ใช่เพื่อให้เกิดภาพว่า มีการใช้หนี้แล้วโดยที่หนี้จริงไม่ได้ใช้แต่เป็นการแลกเปลี่ยนกันออกไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเคยระบุถึงการทุจริต 30-40% ทำให้งบประมาณรั่วไหล หากรัฐบาลทำได้จริง ก็ควรเอาเงินนี้มาใช้หนี้จะเป็นสิ่งที่ประชาชนชื่นใจที่สุด ส่วนวิธีการเงินจะคล้ายคลึงกับรัฐบาลหรือไม่ต้องระมัดระวังในการเปรียบเทียบ เพราะยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร เป็นการกู้เงินลงทุนนอกงบประมาณที่ไม่โปร่งใส แต่กรณีนี้เป็นการเอาหนี้ออกจาก พรบ.งบประมาณประจำปี แล้วเอาเงินลงทุนเข้ามาแทนซึ่งยังเป็นข้อดีที่สามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
นายอภิสิทธิ์ กล่างต่อถึง กรณีรัฐบาลประกาศเดินหน้าสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่มีการศึกษาแล้วว่า ทั้งสองโครงการมีมูลค่าทางเศรษฐกิจต่ำกว่าโครงการอื่น หากจะทำต้องเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรอง ถ้ารัฐบาลมีงบฯ หรือหุ้นกับเอกชนตามกระบวนการปกติ อย่างน้อยก็ยังมีกระบวนการตรวจสอบ ส่วนความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เส้นทางหัวหิน ตนไม่ทราบ แต่เส้นทางเชียงใหม่ แม้จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต่ำกว่า และในเชิงยุทธศาสตร์ก็กำหนดให้พิจารณาเส้นทางที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศก่อน แต่ในขณะที่ยังไม่ทราบว่ารัฐบาบจะทำอะไร เพราะยังไม่มีการจัดงบประมาณที่ชัดเจน และการร่วมทุนก็มีขั้นตอนพอสมควร ก่อนเดินหน้าได้ตามกฎหมาย