14นศ.เตรียมงัดไม้เด็ด
ร้องศาลทหาร
ให้พิจารณาแบบเปิดเผย
อนุญาตปชช.ร่วมรับฟัง
พ่อ-แม่ร่ำไห้!จี้ปล่อยตัว
‘มหิดล-มธ.’ฮือบีบคสช.
‘ยะใส’หวั่นซ้ำรอย6ตุลา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่ามีกลุ่มนักศึกษา คณาจารย์สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เช่น นายเกื้อ เจริญราษฎร์ นายธีระ สุธีวรางกูลน.ส.สาวตรี สุขศรี นายกริช ภูญียามา นายปูนเทพ ศิรินุพงศ์ พร้อมด้วย นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการกฎหมายนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ว่าความให้กับนักศึกษาทั้ง 14 คน และนายชำนาญ จันทร์เรือง ประธานแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พร้อมญาตินักศึกษาทั้ง 14คนที่ถูกคุมขัง รวมกว่า 50คน ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษา
นศ.ขอขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น
ต่อมา เวลา 12.30น.กลุ่มทนายความจากศูนย์ทนายความฯร่วมแถลงการณ์หลังจากเข้าเยี่ยมนักศึกษา โดย นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า นักศึกษาทั้ง 14คน ยังมีกำลังใจและยังเข้มแข็ง มีบางคนที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุม เช่น น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด นักศึกษาหญิงที่โดนเครื่องช็อตไฟฟ้าที่หลัง แต่ทุกคนยังยืนยันจะสู้ต่อไป ทั้งนี้ นักศึกษาฝากมาบอกว่า ยังสู้ต่อไปตามความคิดเห็นเดิมว่า ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชนและขอปฏิเสธไม่รับอำนาจศาลทหารกรุงเทพที่จะดำเนินคดีนี้ เพราะคิดว่าเป็นพลเรือน จึงต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงไม่ประกันตัวออกไปสู้คดี
ย้ำไม่ประกัน-ยอมหมดอิสระภาพ
“เด็กทั้ง 14 คนฝากผมมาแจ้งว่า เหตุที่ไม่ประกันตัวเพราะไม่รับอำนาจศาลทหาร ทุกวันนี้ถูกขังอยู่ภายใต้อำนาจของศาลทหารกรุงเทพ จึงยืนยันว่า ถ้าขอประกันตัวต่อศาลทหารกรุงเทพ ยืนยันว่าจะไม่ทำโดยเด็ดขาดและยินยอมเสียสละเสรีภาพของตัวเองเพราะเชื่อว่าเมื่ออยู่ข้างนอกก็ไม่มีเสรีภาพอยู่แล้ว อยู่ข้างในการต่อสู้ของพวกเขาจะได้อธิบายต่อประชาชนว่า การถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพเป็นอย่างไรและขอยืนยันจนวินาทีนี้ว่าจะไม่ประกันตัว” นายกฤษฎางค์ กล่าว
ขอศาลทหารพิจารณาคดีเปิดเผย
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า นักศึกษายังฝากแถลงว่า จะร้องต่อศาลทหารกรุงเทพในวันที่มีการฝากขังให้เปิดการพิจารณาคดีนี้โดยเปิดเผยต่อสาธารณะชน เพราะไม่มีอะไรเป็นความลับ เพื่อให้สาธารณะชนเข้าฟังได้และกรณีนี้ให้แจ้งทุกคนว่า หากมีการฝากขังครั้งหน้า นักศึกษาทุกคนยืนยันว่า จะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย หากยังปิดลับอยู่ นักศึกษาจะมีมาตรการต่อไป
แจงพ่อแม่ไม่เกี่ยว-อย่าไปคุกคาม
“ขอฝากคำพูดเด็กไปยังผู้มีอำนาจว่า พ่อแม่เขาไม่เกี่ยว ที่มีทหารไปพบพ่อแม่ของเด็กหลายคน เช่น แม่ของลูกเกด ที่มาร้องเรียนกับผมว่า มีทหารไปคุยด้วย และเกิดความกลัวจะได้รับอันตราย ทั้งเด็กก็ห่วงแม่ จึงฝากบอกสื่อว่า อย่าดึงพ่อแม่มาเกี่ยว เพราะครอบครัวเลี้ยงเขามา อบรมให้การศึกษา แต่ไม่เกี่ยวพันกับการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” นายกฤษฎางค์ กล่าว
มหิดลหนุนหลักการ5ประเด็น
ด้านคณาจารย์จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมอ่านจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนนักศึกษาผู้เรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติวิธีและขอให้ยุติการคุกคามครอบครัวและเพื่อนของนักศึกษาว่า “สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ขอสนับสนุนหลักการทั้ง 5ประการคือ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วมและสันติ ที่ขบวนการประชาธิปไตยใหม่และกลุ่มดาวดิน รวมทั้งผู้รักประชาธิปไตยทุกคนเรียกร้อง เพราะหลักการดังกล่าวคือหลักการพื้นฐานที่จะนำสังคมไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เป็นสังคมแห่งสันติและความปรองดองอย่างแท้จริง
จี้ยุติข่มขู่-ขึ้นศาลปชช.-ฟังทุกฝ่าย
จดหมายเปิดผนึก ระบุด้วยว่า สถาบันฯมีความเห็นว่า การจับกุมคุมขังนักศึกษา 14 คน รวมทั้งการติดตาม ข่มขู่ คุกคามครอบครัว เพื่อนฝูง ครูบาอาจารย์ของนักศึกษากลุ่มนี้ เป็นการกระทำเกิดกว่าเหตุ ถือเป็นการละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีผลบังคับใช้กับไทยตั้งแต่ปี 2540 ทั้งนี้ รฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่บังคับใช้ในปัจจุบันให้คำมั่นสัญญาว่า จะปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี พวกเราจึงมีข้อเสนอดังนี้ 1.ขอให้หน่วยงานความมั่นคงยุติการติดตาม การข่มขู่ คุกคามครอบครัวและเพื่อนของนักศึกษากลุ่มดังกล่าว 2.ขอให้คดีของขบวนการประชาธิปไตยใหม่และกลุ่มดาวดินเข้าสู่การพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรมปกติในศาลพลเรือนและ3.ขอให้สังคมไทยรับฟังความคิดเห็นอันแตกต่างหลากหลายของพี่น้องร่วมสังคม
มธ.ขอให้ปล่อยตัว-ไม่มีความผิด
ในส่วนของกลุ่มคณาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อ่านสาส์นแสดงความห่วงใยถึงนักศึกษา 14คน ว่า “ด้วยตระหนักในมโนธรรมสำนึก ในฐานะอาจารย์ผู้สอนกฎหมาย ขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้นักศึกษาที่ถูกจับกุมคุมขัง เพียงเพราะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างบริสุทธิเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เราเห็นว่าการกล่าวอ้างสิ่งที่เรียกว่ากฎหมาย เพื่อใช้ดำเนินคดีกับบรรดานักศึกษาและประชาชนข้างต้น เพียงเพราะสิ่งดังกล่าวเป็นคำสั่งของรัฏฐาธิปัตย์นั้น เป็นความไม่ชอบธรรม จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยนักศึกษาโดยเร็ว
กสม.ถกหาความจริง’ดาวดิน’
วันเดียวกัน นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)จัดประชุมนัดพิเศษเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและรับฟังข้อเท็จจริง กรณีการจับกุม 14นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ว่า อาจจะละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยมีผู้ปกครอง อาจารย์ ของนักศึกษา พร้อมด้วยชาวบ้านที่เคยทำงานภาคประชาชนร่วมกับกลุ่มนักศึกษาและผู้แทนจากสภาทนายความ เข้าร่วมการประชุม
พ่อ’ไผ่ ดาวดิน’ยันไร้การเมือง
นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา หรือทนายอู๊ด พ่อของ นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ระบุว่า ช่วงลูกชายไปชู 3นิ้ว ขณะนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น แล้วถูกเรียกไปปรับทัศนคติกับทหารตำรวจ ผู้ว่าฯและนายอำเภอ ถึง 3ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทำไมไม่สั่งสอน เลี้ยงลูกให้ดี แต่ตนยืนยันว่า ไม่รู้เรื่อง รู้แค่ลูกไปรวมกลุ่มกับดาวดินเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ขณะเดียวกันมองว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับรู้การช่วยเหลือชาวบ้านของนักศึกษา จับตาเพียงการต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น
ตนมั่นใจว่า นักศึกษาทุกคนทำกิจกรรมด้วยตนเอง ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง
แม่’บาส’วอนปล่อย-ไม่ใช่กบฏ
ด้าน นางเรวดี ศุภโสภณ แม่ของ นายรัฐพล ศุภโสภณ หรือบาส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2กรกฎาคม มีทหารมาพบโดยไม่แสดงตนใดๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ส่วนที่มาในวันนี้อยากเรียกร้องให้ให้ปล่อยเด็กเหล่านี้ เพราะไม่ใช่กบฎ มีความรักชาติเหมือนกับทหาร เห็นได้ชัดข้อเรียกร้องของเด็กๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทหารต้องการให้เกิดอยู่แล้ว โดยการเรียกร้องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครบงการ เพราะทำกิจกรรมแต่ละครั้งไม่มีการแจ้ง ไม่ต้องการมวลชน ไม่ต้องการให้เสื้อสีไหน หรือนักการเมืองมาอยู่เบื้องหลัง พวกเขาต้องการแสดงความเห็นที่พอจะทำได้ในสังคมที่เขาอยู่ โดยไม่ได้ทำลายความมั่นคง ขอสังคมให้โอกาสเด็กเหล่านี้ที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติต่อไป
ขออย่าทำลายอนาคตของเด็กด้วยการยัดข้อหาทำลายความมั่นคง ซึ่งเป็นข้อหาที่เกินกว่าเหตุ
ชาวบ้านยันดาวดินทำเพื่อปชช.
จากนั้นที่ประชุมให้ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ที่กลุ่มดาวดินเคยไปช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยกลุ่มอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมบ้านนามูล จ.ขอนแก่น บ้านดงมูล จ.กาฬสินธิ์และกลุ่มคนรักบ้านเกิด เหมืองทอง จ.เลย กล่าวถึงกิจกรรมที่ผ่านมาของกลุ่มดาวดินในทำนองเดียวกัน ว่า รู้จักกลุ่มดาวดิน เพราะนักศึกษาลงไปให้ความรู้ชาวบ้าน เมื่อครั้งมีบริษัทนายทุนเข้าไปสำรวจปิโตเลียมในพื้นที่จนกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลุ่มดาวดินทำให้ชาวบ้านได้รู้ถึงสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ไม่ได้มีลักษณะปลุกระดมชาวบ้านให้ก่อม็อบ หรือสร้างความวุ่นวายในสังคมและที่สำคัญไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด
ทหารดอดสอดแนมเจอขู่ฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะกำลังชี้แจงถึงการทำกิจกรรมของกลุ่มดาวดินในการช่วยชาวบ้านอยู่นั้น ชาวบ้านมหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาและขอร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับกุมโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน ระหว่างที่มีการชี้แจงช่วงหนึ่งมีเจ้าหน้าที่แต่งกายคล้ายทหารเข้ามาในห้องประชุม จนทำให้ นพ.นิรันดร์ พักการประชุมและให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแนะนำตัว ซึ่งระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกรมธนารักษ์ ถูกสั่งให้มาบันทึกภาพและสังเกตุการประชุม โดย นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า เป็นการแทรกแซงการทำงานของ กสม.เพราะไม่ได้ทำหนังสือขออนุญาต เข้ามาโดยพลการ พร้อมกำชับว่า ให้กลับไปรายงานผู้บังคับบัญชาให้ถูกต้อง หากข้อมูลผิดเพี้ยนจะฟ้องร้อง
เผย8ก.ค.นัด3ฝ่ายถกอีกรอบ
ในช่วงท้าย นพ.นิรันดร์ กล่าวสรุปว่า การชี้แจงครั้งนี้ทำให้เห็นว่า กลุ่มดาวดินทำงานกับคนยากจนในการช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน สามารถเรียกว่า เป็นนักต่อสู้สิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้รับข้อความในลักษณะที่เป็นการสาดโคลนเข้าหากันโดยไม่เข้า ใจข้อมูลที่เท็จจริง ตนจึงเชิญกลุ่มชาวบ้านที่รู้จักกลุ่มดาวดินมากกว่า 10ปีมาชี้แจง ไม่เช่นนั้นสังคมจะไม่ข้ามพ้นความขัดแย้ง เพราะตนไม่อยากให้กลับไปเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ส่วนประเด็นทางกฎหมายที่มีการตั้งข้อหากบฎและให้ขึ้นศาลทหาร แม้คิดว่ามีความชอบธรรม แต่ถ้าจะให้ชอบธรรมมากขึ้น ต้องยึดหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน พยานหลักฐานต่างๆต้องชัดเจน ซึ่งตนจะเชิญตำรวจ ทหารและสภาทนายความ มาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 8กรกฎาคมนี้
อดีตสนนท.-ปชช.87คนจี้ปล่อยตัว
ขณะเดียวกัน นักวิชาการ นักศึกษาและภาคประชาชน 87รายชื่อ ร่วมออกแถลงการณ์ การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิพลเมืองการจับกุมคุมขัง ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น ไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความปรองดอง เรียกร้องให้ปล่อยนักศึกษา 14คนทันที โดยไม่มีเงื่อนไขและพลเรือนต้องไม่ขึ้นศาลทหาร รวมถึงต้องคืนพื้นที่เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนโดยทันที และพวกเราจะร่วมติดตามอย่างถึงที่สุด
‘อภิสิทธิ์’แนะแยกแยะคนต้าน
มีความเห็นจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนักศึกษาถูกคุมขังที่เรือนจำ ว่า การที่รัฐบาลระบุว่า มีคนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทั้งที่ยังไม่นำหลักฐานมาเปิดเผยต่อสาธารณชน อาจเป็นการผลักนักศึกษาที่บริสุทธิ์ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ดังนั้นรัฐบาลควรแยกแยะให้ดี เพราะต้องยอมรับว่าฝ่ายที่ต่อต้านโดยบริสุทธิ์ใจมีจริง เรื่องจะได้ไม่ลุกลามบานปลาย ตนไม่อยากให้คนเหล่านี้ถูกผลักไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม หรือไปฝักใฝ่การเมืองขั้วใดขั้วหนึ่ง อยากให้รัฐบาลและคสช.แยกแยะให้ได้ระหว่างคนที่เคลื่อนไหวโดยสุจริต กับคนที่มีผลประโยชน์แอบแฝง ด้วยการวางกติกาที่ชัดเจนว่า ถ้าเป็นการแสดงออกที่ไม่กระทบความมั่นคงสามารถทำได้ โดยระบุให้ชัดว่า ถ้ามีเบื้องหลังก็ให้มีความผิดซึ่งจะแยกแยะในหลักการได้มากกว่า
หนุนนิรโทษ-แต่อย่าเหมาเข่ง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการนิรโทษกรรมของคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สปช.เป็นประธาน ว่า ตนเคยเสนอต่อไปแล้วว่า ควรนิรโทษกรรมคดีการชุมนุมที่เกี่ยวกับประชาชนที่ร่วมชุมนุมโดยสุจริตทั้งหมด ก็จะเป็นรูปธรรมของการปรองดอง โดยไม่กระทบต่อหลักการบ้านเมือง แต่คดีอาญา ใช้ความรุนแรง คดีหมิ่นสถาบันและคดีทุจริตไม่ควรนิรโทษทั้งสิ้น ปล่อยให้เดินต่อไปตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อค้นหาความจริง ที่สำคัญอย่าย้อนไปสู่การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
‘ยะใส’หวั่นเข้าทฤษฏีอำมหิต
เพจเฟซบุ๊คของ นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นจับกุมนักศึกษา ว่า พึงระวังเหตุการณ์ 6ตุลา มากกว่า 14ตุลา หลายคนอธิบายปรากฏการณ์จับกุม นศ.อาจลุกลามเหมือน14ตุลาคม 2516 ที่นำไปสู่การชุมนุมใหญ่เรียกร้องประชาธิปไตยของนิสิต นักศึกษาและประชาชน ในทางตรงข้ามตนเห็นว่า บริบทในปัจจุบันถ้าจะเทียบเคียงกับอดีตน่าจะใกล้เหตุ 6ตุลาคม2519 ที่มีการปราบปรามนิสิตนักศึกษาที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มากกว่า ที่ผมห่วงที่สุดคือ ทฤษฏีอำมหิตที่มองว่า สู้กับทหารต้องมีคนเจ็บคนตายถึงจะชนะได้นั้น ต้องระวังอย่าให้ทฤษฏีนี้มาครอบงำและฉกฉวยในสถานการณ์แบบนี้
มท.1ยันทุกอย่างยึดโรดแมป
ด้าน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย วาระนี้มันมีปัญหากันอยู่เดิมแล้ว รัฐบาล หรือคสช.ได้เข้ามาหยุดปัญหาที่มีอยู่เดิม เพราะฉะนั้นรัฐบาลหรือ คสช.จึงไม่ใช่คู่กรณีในเรื่องดังกล่าว เรื่องของเรื่องคือ มันมีความขัดแย้งขึ้นในประเทศไม่สามารถหาทางออกได้ จึงมีการออกมาหยุดสถานการณ์และมีการร่างรัฐธรรมนูญอย่างที่ทุกคนทราบ เมื่อร่างเสร็จก็ต้องเป็นไปตามโรดแมป ต้องเลือกตั้ง ทุกอย่างเดินไปตามนั้น
ปล่อยข่าว’ป๋าเปรม’เสียชีวิต
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ในฐานะนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวถึงกระเเสข่าวลือ พล.อ.เปรม ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล หรือถึงขั้นเสียชีวิตว่า ไม่เป็นความจริงแน่นอน ท่ยืนยันว่าสุขภาพยังเเข็งเเรงดี ยังไปร่วมเชิญมาลาหลวงในพิธีน้ำหลวงอาบศพบุคคลสำคัญที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤดิ์ เมื่อวานนี้(2กรกฎาคม) อยู่เลย ส่วนกระเเสข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนที่เคยผ่านมา ไม่ใช่ปล่อยข่าวครั้งเเรก ทำมาหลายครั้ง เพราะมีกลุ่ม หรือฝ่ายที่โจมตีมาตลอด ถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง
รบ.รู้ต้นตอหมดแล้ว-จ่อแฉ
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า กระแสข่าวลือ พล.อ.เปรม จากการติดตามเฝ้าระวังของฝ่ายความมั่นคงรู้แหล่งที่มาของข่าวเหล่านี้แล้ว ชัดเจนว่าหลายครั้งข่าวลือที่ปล่อยออกมา กลุ่มที่ปล่อยข่าวต่างๆเหล่านี้มีความยึดโยงกันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งต้องดำเนินการทางกฎหมายเพื่อไม่ให้ปล่อยข่าวตื่นตระหนกอีก ส่วนจะเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่ ขอพิจารณาก่อน เพราะบางเรื่องละเอียดอ่อน
กมธ.ส่งมอบร่างรธน.22สค.
สำหรับความคืบหน้าการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) แถลงว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งวิป สปช. ว่าจะมีการส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญให้ สปช. เพื่อพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบว่าจะรับหรือไม่รับภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
“วันชัย”ยันรธน.ไม่ดีคว่ำแน่
ส่วนกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีออกมาติงเรื่องการแสดงความคิดเห็นไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายวันชัย กล่าวว่า ต่อไปนี้อาจจะต้องเพลาๆ การแสดงความเห็นลักษณะนี้ไปก่อน อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวเห็นว่า ต่อให้รัฐธรรมนูญวิเศษแค่ไหน แต่ถ้าบ้านเมืองยังไม่สงบ จะรีบเลือกตั้งไปทำไม ถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีส่วนไหนที่ปราบปรามการทุจริตได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูตอนสุดท้าย ถ้าพบว่าเป็นของไม่ดี ตนก็ไม่เอา
ย้ำต้องลงมติแบบเปิดเผย
“อย่างไรก็ตาม ทราบว่าขณะนี้ มีสมาชิกบางคนจะเสนอให้ให้การโหวดเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญเป็นการลงมติลับ โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นตัวของตัวเองในการตัดสินใจ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย เพราะการลงมติจะต้องเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนรับทราบ” นายวันชัย กล่าว
รธน.วาง3กรอบดูแลสื่อมวลชน
ด้าน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเดินทางไปร่วมงานครบรอบ 18 ปี สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “อนาคตสื่อไทยหลังรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตอนหนึ่งว่า เสรีภาพสื่อมวลชนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เพราะเกี่ยวพันกับเสรีภาพอื่นๆ อาทิ สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล เสรีภาพการรับรู้ข่าวสาร ความสงบและความมั่นคงของรัฐ ดังนั้นประเด็นสำคัญที่สื่อมวลชนต้องคำนึงถึง คือ การสร้างความสมดุล โดยในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการทำหน้าที่สื่อไว้ 3 ประเด็น คือ 1.สิทธิการได้รับข้อมูลข่าวสารของประชาชนกับสื่อมวลชน ซึ่งกำหนดการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต้องครบถ้วน รอบด้าน และถูกต้อง และห้ามการถือครองสิทธิข้ามสื่อ
ห้ามการเมืองถือหุ้น-ซุกโฆษณา
2.ความเป็นอิสระของสื่อมวลชนที่ต้องมีความรับผิดชอบ อาทิ ห้ามนักการเมืองถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน และกำหนดกรอบของการซื้อโฆษณาจากสื่อมวลชนเพื่อขจัดการใช้เงินไปครอบงำสื่อ และ 3.การปฏิรูปสื่อสารมวลชน ที่จะนำเนื้อหาไปเขียนไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฎิรูปสื่อ ตามที่รัฐบาลเสนอ อาทิ จัดให้มีกลไกส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพให้มีเสรีภาพและรับผิดชอบ มีหลักประกันในอิสระในการทำหน้าที่
“บิ๊กตู่”ร้องญี่ปุ่นหนุนไทยปฏิรูป
ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 7 ที่ประเทศญี่ปุ่น พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขง ได้พบปะหารือกับกลุ่มสมาชิกมิตรภาพรัฐสภาญี่ปุ่น-แม่โขง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยืนยันกับนานาชาติว่า ไทยกำลังอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาและปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นทุกด้าน ซึ่งสิ่งที่ไทยต้องการจากญี่ปุ่นและทุกประเทศเวลานี้ คือ ความเข้าใจและความช่วยเหลือในการปฏิรูปประเทศ
อดีตครม.“ปู”ทยอยรับข้อหา
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ ทางการเมือง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยความคืบหน้าการไต่สวนอดีตคณะรัฐมนตรีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 37 ราย กรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมและได้รับผลกระทบทางการเมืองช่วงปี 2548-2553 ว่า มีอดีตรัฐมนตรีบางส่วนมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
ปปช.ขู่“ปึ้ง”ไม่ชี้แจงคือไม่ติดใจ
ส่วนกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมช.กลาโหม ปฏิเสธจะรับทราบข้อกล่าวหานั้น ป.ป.ช. จะส่งข้อกล่าวหาให้รับทราบทางไปรษณีย์ ซึ่งตามกฎหมายจะถือว่าได้รับทราบแล้ว หากยังไม่มาอีกก็ถือว่า ไม่ติดใจใดๆ ที่จะแก้ข้อกล่าวหา โดยป.ป.ช.จะได้ดำเนินการไต่สวนต่อไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี