23 พ.ย. 58 ที่รัฐสภา นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญว่า ทาง กรธ. มีการพิจารณาในเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนขององค์ประกอบ และหลักการอื่นๆ อาทิคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนของที่มานั้น เพราะเราเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรที่สำคัญมาก การได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องได้ผู้ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ต้องมี ความเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม และต้องเป็นผู้ที่ชำนาญการในการตัดสินคดีความ ผู้ที่มีความรู้ทางวิชาการ โดยเฉพาะทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และ รัฐประศาสนศาสตร์
นายนรชิต แถลงต่อว่า ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น ทางนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ.ได้หารือ หลังจากที่ผ่ามามีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์เป็นอย่างมากในเรื่องที่มาของ ส.ว. ซึ่งทางกรธ.พิจาณราแล้วแต่ยังไม่ได้สรุปในทุกประเด็น คณะกรรมการมีแนวโน้มที่ชัดเจนทหลังจากที่ได้ศึกษาปัญหาที่มาของส.ว. เพราะต้องการเห็นส.ว.ที่อิสระจากการเมือง ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ที่มาของ ส.ว.อาจจะมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม เพราะจากในอดีตที่ผ่านมา ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนโดยตรง กรธ. เห็นว่าจะได้ ส.ว. ที่มิใช่ผู้ที่ปราศจากอิทธิพลทางการเมือง ส่วนการสรรหามีความรู้สึกว่าอาจจะขาดความเชื่อมโยงกับประชาชน ซึ่งเมื่อ 2 วิธีการมีความบกพร่องไม่สมบูรณ์ ทางกรธ. มองดูว่า การเลือกตั้งทางอ้อม โดยประชาชน น่าจะเหมาะสมกว่า และเหตุที่ไม่ได้ออกมาแถลงเพราะวิธีการต่างๆยังไม่ตกผลึก แต่เป็นที่แน่นอนว่า จะเป็นลักษณะของตัวแทนประชาชน ที่มาจาก กลุ่มวิชาชีพ และ กลุ่มอาชีพต่างๆ ที่คัดมา อาจจะมาจากทุกจังหวัด ภาค หรือ ระดับประเทศ เป็นเรื่องที่กำลังหารืออยู่ โดยจำนวนคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 คน
นายนรชิตกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น เวลานี้ยังไม่มีการมอบอำนาจให้กับหน่วยงานใด ในส่วนผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พบว่าทุจริต ก็จะมีทาง ป.ป.ช.เป็นผู้พิจารณาไต่สวนสอบสวน หากมีมูลจากนั้นนำคดีขึ้นสู่ศาลและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีจริยธรรมขาดคุณสมบัติ ก็จะมีการระบุในกฎหมายลูก เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้พิจารณา
"ในส่วนที่มีการวิจารณ์เรื่องอำนาจการถอดถอนที่โอนไปให้องค์กรอิสระเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะข้อเท็จจริงกรธ.กำหนดหน่วยงานที่พิจารณาให้นักการเมืองพ้นตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ คือ ศาลรัฐธรรมนูญเพียงหน่วยงานเดียว ส่วนช่องทางการยื่นเรื่องหรือให้องค์กรใดไต่สวนกรธ.ว่าจะเข้าข่ายพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ ยังไม่พิจารณา ขณะที่ป.ป.ช.จะไม่มีอำนาจถอดถอน แต่จะทำหน้าที่พิจารณาไต่สวนชี้มูลความผิดนักการเมืองและข้าราชการในคดีทุจริต และส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ดังนั้นกรธ.ไม่ได้มีการโยกอำนาจการพิจารณาการพ้นตำแหน่งหรือการถอดถอนไปให้องค์กรอิสระแต่อย่างใด" นายนรชิตกล่าว
นอกจากนี้ นายนรชิตแถลงว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมฯ มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการปฏิรูป การศึกษา และการบังคับใช้กฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและดำเนินการศึกษา แนวทางปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายตามรัฐธรรมนูญ โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้ มีกรธ.จำนวน 5 คน และผู้ไม่ใช่กรธ. 4 คน โดยอนุกรรมการชุดนี้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี