7 ก.พ.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ Aoodda" ถึงท่าทีของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีท่าทีว่าจะนำความเห็นของทุกฝ่ายมาปรับแก้ไขในร่างรัฐธรรมนูญ
โดยระบุว่า การออกมาแถลงของ กรธ.ในช่วงวันสองวันนี้ว่าพร้อมจะนำความเห็นของฝ่ายต่างๆ ไปปรับแก้ในประเด็นการให้หลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนและชุมชน ไม่น้อยไปกว่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 50 กับการแสดงท่าทีจะเร่งรัดการร่างกฎหมายลูกให้เสร็จตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ในโรดแมป ถือได้ว่าเป็นการ "ส่งสัญญาณที่ดี" ว่า กรธ. ยังพร้อมรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆ อยู่ และไม่ได้มีลักษณะปิดกั้นไปเสียทั้งหมด
สำหรับท่าทีด้านลบของ กรธ.ต่อฝ่ายการเมืองที่มีออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งนั้น ผมก็ขอให้ข้อคิดว่าควรจะได้มีการแยกแยะไตร่ตรองว่าความเห็นใดเป็นความเห็นในทางอคติ ความเห็นใดเป็นความเห็นในทางสร้างสรรค์ของฝ่ายปฏิบัติ ที่ตั้งอยู่บนความปรารถนาดี โดยประสงค์ให้รัฐธรรมนูญที่ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ซึ่งหาก กรธ.สามารถแยกแยะและพร้อมรับฟังในส่วนที่เป็นความเห็นในทางสร้างสรรค์ ก็จะช่วยให้รัฐธรรมนูญเข้ารูปเข้ารอย และเป็นที่ยอมรับได้มากขึ้น
ซึ่งประเด็นที่ผมคิดว่าควรจะได้มีการปรับปรุง และเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งในฐานะฝ่ายปฏิบัติ ก็คือ เรื่องของ "การตรวจสอบถ่วงดุล" ระหว่างฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติ ซึ่งผมเห็นว่าหากสามารถออกแบบให้เป็นระบบที่สามารถถ่วงดุลกันได้อย่างมีดุลยภาพแล้ว ประชาชนจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างยิ่ง จากการทำหน้าที่ถ่วงดุลซึ่งกันและกันของแต่ละฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่นในประเด็นที่ เคยเสนอและได้รับการบรรจุไว้ในร่างของอาจารย์บวรศักดิ์แล้ว กรณีให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องมาจากฝ่ายค้านด้วย ไม่ใช่เป็นของรัฐบาลทั้งหมด ทั้งประธานและรองประธานสภาทั้ง 2 คน เหมือนในอดีต ซึ่งมีผลทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของทั้งประธานและรองประธานหลายครั้ง เป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในสภา จึงได้เกิดแนวคิดว่ารองประธานสภาคนหนึ่ง ควรจะมาจากฝ่ายค้าน เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลในการปฏิบัติหน้าที่ประธานในที่ประชุมสภา ดังเช่นในบางประเทศที่พัฒนาแล้วทางประชาธิปไตยเขาก็ทำกัน ซึ่งการจะสร้างระบบถ่วงดุลเช่นนี้ได้ จะต้องไปปรับปรุงแก้ไขในมาตรา 101 ที่ระบุห้ามสมาชิกพรรคแกนนำฝ่ายค้านที่มีหัวหน้าพรรค เป็น "ผู้นำฝ่ายค้าน" ไปเป็น ประธานสภา หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปิดทางไม่ให้พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ซึ่งมีความสำคัญในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารไม่ให้สามารถไปทำหน้าที่รองประธานสภา หรือประธานสภาได้
ซึ่งการกำหนดเช่นนี้ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดการถ่วงดุลในการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมดังกล่าวแล้ว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น กรณีที่พรรคแกนนำรัฐบาลต้องกลับมาเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน และมีสมาชิกเป็นประธานหรือรองประธานสภาอยู่ในสภาเดิม หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลเดิมก็จะไม่สามารถมาทำหน้าที่ "ผู้นำฝ่ายค้าน" ในสภาได้ นอกจากต้องให้สมาชิกของพรรคลาออกจากตำแหน่งประธานสภาและหรือรองประธานสภาเสียก่อนเท่านั้น
นอกจากนั้นยังเห็นว่าประธานกรรมาธิการชุดสำคัญที่มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน และตรวจสอบการทุจริตในรัฐบาล ควรจะได้ประธานกรรมาธิการที่มาจากฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีผลในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนได้มากขึ้น เป็นต้น
"จุรินทร์ " ชี้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญเริ่มส่งสัญญาณที่ดีจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสผ่าน...
Posted by จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ Aoodda on 6 กุมภาพันธ์ 2016
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี