นายกฯโต้ลั่นไม่ได้เกียร์ว่างปล่อยขรก.โกงสั่งไล่ตรวจยิบทุกกระทรวงพร้อมคุ้มครองพยานเต็มที่ ขณะที่ป.ป.ท.ลุยตรวจทุจริต 44 ศูนย์ฯ เผยพอรู้ตัวคนนอกหน่วยมีมากกว่า 1 คนร่วมทุจริต แฉหักหัวคิวเหมือนกรณีเงินทอนวัด คาดไม่เกิน 31 พ.ค.นี้กระชากหน้ากากได้แน่ ยอมรับทำงานยากขึ้นหลังแก๊งงาบปั้นพยานเท็จให้ชาวบ้านยืนยันการรับเงิน ชี้เป็นการฆ่าตัวตายรอบสอง
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงปัญหาการทุจริตในโครงการของกระทรวงต่างๆว่า เรื่องทุจริตมีหลายหน่วยงานที่ปรากฏออกมา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยปละละเลย มีการตั้งกรรมการสอบสวนอยู่ แต่กระบวนการสอบสวนบางครั้งมันช้าเกินไป วันนี้ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปตรวจในทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน หรือทุกงบประมาณที่มีปัญหา
ทั้งนี้ ที่ตนต้องเน้นตรงนี้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณโดยตรงจากรัฐ เช่น ในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินคนไร้ที่พึ่ง โครงการจ้างงาน และโครงการเงินทุนการศึกษา ซึ่งโครงการเหล่านี้มีมานานแล้ว และตนเคยบอกแล้วว่ามันก็อยู่ที่ผู้ได้รับผลประโยชน์ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ อยู่ที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้ประโยชน์ก็เข้าร่วมมือด้วย และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาให้อะไรมาก็เอาหมด บังเอิญโชคดีระหว่างการสอบสวนมีผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คน มาให้ข้อมูลก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันมีหลักฐานก็ออกมาพูดจะทางลับ หรือเปิดเผยก็ได้ ตนก็รับหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว มีคนมาให้ข้อมูลมีเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้ข้อมูลแล้ว คือเขากล้าขึ้นจะไม่อยู่ร่วมขบวนการอีกต่อไป มันสะสมมายาวนาน ก็อยากให้ไปทบทวนกันให้รู้ว่ารัฐบาลนี้เอามาเปิดเผยกี่เรื่องแล้ว คดีใหญ่ๆ เล็ก กลาง ก็มาหมด ไม่ใช่รัฐบาลปล่อยปละละเลย เพียงแต่มันต้องสอบสวนหาสาเหตุ หลักฐานวัตถุพยานบุคคลมาให้ได้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมเป็นพยานกันเพราะกลัว
"ก็ต้องขอย้ำว่า ไม่ต้องกลัวหรอกผมดูแลคุ้มครองให้ เพราะใครที่ไปทำร้าย ไปรังแก เอางบประมาณที่จะต้องไปถึงคนจน คนเหล่านี้ผมถือว่าแย่มาก คนที่ด้อยโอกาสแล้วยังไปเอาของเขามาอีก ผมว่ามันน่าอับอาย ในทางศีลธรรมก็ไม่ได้อีก หลายกระทรวง ผมกำลังให้ ป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบอยู่ในกรณีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ มันต้องให้ความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น" นายกฯ กล่าว
ด้านพ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งงบฯปี60ว่า ล่าสุดป.ป.ท.ได้ตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่ได้รับงบฯทั้ง 76 ศูนย์พบศูนย์ที่เข้าข่ายการทุจริตมากถึง 44 ศูนย์แล้ว โดยอีก 32 ศูนย์ที่เหลือ กำลังให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า ส่วนรูปแบบการทุจริตจนถึงขณะนี้ต้องบอกว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ไม่เหมือนกันทุกศูนย์ แต่ที่เจอเหมือนๆกันคือเอาหลักฐานของคนอื่นมาเบิกเงิน แล้วก็นำเงินมาจ่ายบ้าง ไม่จ่ายบ้างหรือไม่จ่ายเลยก็มี ส่วนที่ต่างกันก็คือ เรื่องการการไปนำรายชื่อหลักฐานมาเบิกเงิน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หักหัวคิวหรือเงินจากโครงการนี้ ตั้งแต่ร้อยละ 20-50 ลักษณะคล้ายกับทุจริตเงินทอนวัดนั้น พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ป.ป.ท.ก็ได้ข้อมูลเบาะแสมาเช่นกัน อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ
"ล่าสุดเริ่มได้เค้าลางของผู้เกี่ยวข้องน่าจะเป็นคนนอกศูนย์แล้ว ข้อมูลที่ได้ยังไม่ได้ระบุถึงว่ารับเงินทอนมากี่เปอร์เซ็นต์จากโครงการนี้และเกี่ยวข้องในฐานะอะไร จะเป็นผู้ร่วมทำผิดหรือพฤติการณ์อื่น ต้องขอเวลา"พ.ท.กรทิพย์ กล่าว
และว่าตอนนี้เห็นรูปร่างของคนนอกศูนย์ฯแล้วเหลือขอข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อเติม คิ้ว ตา จมูก ปาก เพื่อจะได้ระบุชัดว่าเป็นใคร ตอนนี้เห็นชัดกว่าร้อยละ 80 แล้วว่าเป็นใครพบว่ามีมากกว่า 1 คน ส่วนเป็นขบวนการหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน ไม่น่าจะเกิน 31 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นกำหนดจบภารกิจจะทราบแน่นอน
อย่างไรก็ตาม พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า หลังเป็นข่าวทำให้การลงพื้นที่ตรวจสอบพบปัญหาที่ทุกศูนย์ฯ ทำเหมือนกันคือการพยายามสร้างพยาน หลักฐานเท็จ โดยไปพบพี่น้องประชาชนไปบอกว่า ถ้าป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบให้บอกว่าได้เงินแล้ว ปรากฎการณ์เช่นนี้ขอเรียกว่าเป็นการฆ่าตัวเองเพราะรู้ว่ากระทำผิดแล้วยังกล้ากระทำผิดซ้ำครั้งสอง และยังไปลากประชาชนมาเดือดร้อนด้วย
"ย้ำว่าการจากลงพื้นที่พบว่าประชาชนไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ศูนย์บอกทั้งหมดแล้ว ทุกคนให้ความร่วมมือกับป.ป.ท.อย่างดี การจะมาทำหลักฐานใหม่ไม่ได้ทำให้ความผิดที่เกิดแล้วลดลง ขอเตือนว่าอย่าทำดีกว่าและขอให้หันมาร่วมให้ข้อมูลความจริงกับป.ป.ท.จะดีกว่า" พ.ท.กรทิพย์ กล่าว
ที่จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงปัญหาการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อHIV ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นว่า ทางคณะกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัดที่ตนมีคำสั่งแต่งตั้งได้ส่งผลสรุปมายังตนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะส่งต่อให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.เขต4)นำไปประกอบการทำคดี เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการทำคดีต่อไป
สำหรับผลการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.ขอนแก่น ช่วงที่ลงพื้นที่ไปมอบเงินสงเคราะห์ให้กับผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลหรือรพ.สต.และใช้เป็นสถานที่มอบเงิน
ในฐานะหน่วยงานช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการจ่ายเงินแต่อย่างใด จากการตรวจสอบก็ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี