"กฤษฎา"สั่งกษ.ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ บูรณาการโครงการ"ไทยนิยม ยั่งยืน"แก้จน2.4หมื่นล้านบาท ดันเป้าหมายเพิ่มรายได้ร้อยละ5-เงินหมุนในชุมชน เพิ่มรายได้เกษตรกร3.9ล้านคน
26 มี.ค.61 นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นเลขานุการอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ขอให้เตรียมประสานกับส่วนราชการของกระทรวงเกษตรฯ ในพื้นที่ที่ได้รับงบประมาณกลางปี 2561 วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท มาดำเนินการในจังหวัดลงสู่ชุมชน เพื่อนำแผนงาน โครงการที่ต้องดำเนินการให้ที่ประชุมอนุกรรมการฯ ประสานงานกับนายอำเภอ ฝ่ายปกครอง ร่วมบูรณาทำงานร่วมกันตามที่ตนได้ชี้แจงรายละเอียดแนวทางปฎิบัติงาน ซึ่งจะสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมเมนูทางเลือกโครงการไทยนิยม ยั่งยืน (คนไทยไม่ทิ้งกัน ชุมชนอยู่ดีมีสุข) จำนวน 20 โครงการ ที่ครอบคลุมทั้งด้านการผลิตพืช ประมง ปศุสัตว์ ด้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ขอเน้นย้ำเรื่องความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนของโครงการ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง และครอบคลุมมากที่สุด โดยได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ กำกับดูแลและตรวจติดตามโครงการทั้ง 3 ระยะ คือ 1.การตรวจแนะนำชี้แจงข้อมูล 20 โครงการให้กับประชาชนได้รับรู้ รับทราบอย่างทั่วถึง 2.การตรวจติดตามโครงการว่าแต่ละขั้นตอนเป็นไปตามแผนหรือไม่ 3.ตรวจสอบความโปร่งใส หรือเรียกง่ายคือ ตรวจจับผิด หากพบความผิดปกติหรือส่อเจตนาที่จะมีการทุจริตก็ต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดได้
"ขอให้พวกเราช่วยกันบอก พูด คุยทำประชาคมกับชาวบ้านได้ประโยชน์มากที่สุดตามความมุ่งหวังของรัฐบาล อธิบดีทุกกรมช่วยเร่งรัดตั้งชุดเฉพาะกิจ ติดตามการใช้งบประมาณ ผมอยากให้กระทรวงเกษตรฯสามารถชี้แจงได้ชัดเจนว่าเงินหลวงงบประมาณแผ่นดิน 2.4 หมื่นล้านบาทนี้ เจ้าของเงินซึ่งเป็นคนไทยทั้งประเทศจะได้รับผลตอบแทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นอะไรบ้าง" นายกฤษฎา กล่าว
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) สรุปสำรวจความต้องการของประชาชน 20 โครงการ ของกระทรงงเกษตรฯ ภายใต้โครงการไทยนิยมฯ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 3,987,631 ราย คาดการณ์ประเมินผลด้านรายได้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 แยกเป็นแผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร อาทิ โครงการสร้างฝายชะลอน้ำและจัดการแหล่งน้ำชุมชน 46 จังหวัด โครงการพัฒนาโครงสร้างด้านแหล่งน้ำชลประทาน 30 จังหวัด โครงการพัฒนาอาชีพส่วนยางรายย่อย ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยาง 1.5 แสนไร่ เกษตรกร 30,000 ราย เข้าร่วม 1 - 10 ไร่ ไม่เกินรายล 10 ไร่ ใน 46 จังหวัด
โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมปลูกข้าวเพื่อผลิตสินค้าอื่น 13 จังหวัด โครงการศูนย์ขยายพันธุ์พืช โครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ดี โครงการศูนย์ขยายพันธุ์และส่งเสริมการผลิตปศุสัตว์ โครงการเสริมทักษะและส่งเสริมอาชีพเกษตร โครงการส่งเสริมและการพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร โครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ โครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงต้นฤดูกาล โครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตการเกษตร โครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ 200,000 ตัน งบ 3,628 ล้านบาท และแผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ในโครงการเพิ่มทักษะอาชีพแก่เกษตรกรผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 358,805 ราย 358 ล้านบาท
พัฒนาทักษะการทำเกษตรยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง 88,630 ราย งบ 221 ล้านบาท กิจกรรมเพิ่มทักษะอาชีพ 10,605 ราย งบ 18 ล้านบาท กิจกรรมแก้ไขปัญหาความยากจนของผู้ลงทะเบียนรายได้น้อย ด้านประมง โดยอบรมความรู้ด้านประมง สนับสนุนปัจจัยการผลิต 75,000 ราย งบ 198 ล้านบาท ด้านปศุสัตว์ 8,820 ราย งบ 12 ล้านบาท ฝึกอบรมทักษะอาชีพเครื่องมือเตรียมดิน 400 ราย อบรมหลักสูตรตามความประสงค์ 10,800 ราย ส่งเสริมอาชีพให้ลูกหลานเกษตรกรชาวไร่ชาวนา 300 ราย อบรมเกษตรกรปฎิบัติเกษตรทษฤฏีใหม่ โคก หนองนา โมเดล 4 ภาค ในเขตปฎิรูปที่ดิน 2,800 ราย ส่งเสริมเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แปรรูป 1.6 พันราย กิจกรรมถายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน 9.6 พันราย โครงการจ้างแรงงานชลประทาน 7,520 คน งบ 187 ล้านบาท เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี