“พิชัย”สวมบททนายแก้ต่างแจงยิบ “ทักษิณ”แก้หนี้บริษัททีพีไอ ดันเศรษฐกิจไทยฟื้นพ้นวิกฤต ยันคนแดนไกลทำให้รัฐได้ประโยชน์ ยกเทียบกับคดี ปรส. ที่เสียหายกว่ามาก เตือนจะทำอะไรให้ดูผลเลือกตั้งดร.มหาเธย์ของมาเลเซียเป็นตัวอย่าง
10 พ.ค.61 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีทึ่ ป.ป.ช. มีมติดำเนินคดีกับนายทักษิณ ชินวัตร ในคดีการให้กระทรวงการคลัง แก้ปัญหาหนี้บริษัททีพีไอว่า อยากให้พิจารณาให้รอบคอบ หากจำกันได้ประเทศไทยในช่วงนั้น อยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจมีหนี้เสียจำนวนมาก และหนี้ของบริษัททีพีไอ ก็เป็นหนึ้ที่กู้เป็นเงินสกุลดอลล่าร์สูงกว่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 133,643.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ในขณะนั้น
"นายกรัฐมนตรีขณะนั้น จึงมีภาระหนักที่จะต้องแก้ไขหนี้เสีย จำนวนมหาศาลของประเทศ ทั้งระบบหลังเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง การที่นายกรัฐมนตรีได้ให้กระทรวงการคลังเข้าแก้ไขปัญหาหนี้บริษัท ทีพีไอ น่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้ว เพราะขณะนั้นหนี้เสียในระบบธนาคารของไทยอยู่ในระดับที่สูงมาก การแก้ไขหนี้ทีพีไอ ในที่สุดได้ให้ บมจ. ปตท. เข้าซื้อหุ้น บริษัท ทีพีไอ และเข้าดำเนินกิจการ ทำให้หนึ้เสียในระบบธนาคารลดลงอย่างมาก และเศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว" นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าว ทาง ป.ป.ช. สามารถสอบถามจากเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัท ทีพีไอ ในขณะนั้น คือ ธนาคารกรุงเทพ และ นายชาตรี โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการ ในขณะนั้นได้ว่า การช่วยแก้ไขหนี้เสียของบริษัท ทีพีไอ ได้ช่วยให้ระบบธนาคาร และธนาคาร กรุงเทพ ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ และ ต่อมา บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. ไออาร์พีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ. ปตท. ในปัจจุบัน และมีผลประกอบการที่ดีมาก ทำให้ประเทศได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะ บมจ. ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจของไทย ซึ่ง ป.ป.ช. สามารถ สอบถาม ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช. คมนาคม ที่เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของ บมจ. ไออาร์พีซี ก่อนที่จะมาเป็น ผู้บริหารสูงสุดของ บมจ. ปตท ได้
นายพิชัย กล่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ เพราะไม่ได้ถือหุ้น บมจ. ปตท. เลย มีแต่ประเทศได้ประโยชน์จากการตัดสินใจแก้ไขปัญหาของผู้นำประเทศในขณะนั้น ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ อาจเป็นสาเหตุให้คณะกรรมการร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช. เองยังหาข้อยุติในการฟ้องเรื่องนี้ไม่ได้ ป.ป.ช. จึงต้องดำเนินการฟ้องเอง ซึ่งอาจจะถูกมองว่า เป็นการกลั่นแกล้งได้ เพราะปัจจุบันรัฐไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด แต่รัฐกลับได้ประโยชน์และกำไรอย่างมหาศาลจากมูลค่าหุ้นของ บมจ. ไออาร์พีซีนี้
นายพิชัย กล่าวอีกว่า หากเปรียบเทียบกับการขายสินทรัพย์ ปรส. ของ รัฐบาลประชาธิปัตย์ จะเห็นว่า ประเทศเสียหายมากกว่ามาก และมีเงื่อนงำการเอื้อประโยชน์ให้กับกองทุนต่างประเทศที่ระดมทุนในไทยเข้ามาซื้อหนี้เสียของประเทศในราคาถูกและนำไปขายในราคาแพง ได้กำไรมหาศาลขนกลับประเทศ โดยไม่ต้องเสียภาษี แต่กลับไม่มีการดำเนินคดี ทั้งนี้อยากให้ข้อมูลที่เป็นจริงและไม่ได้เป็นการแก้ต่างให้ เพราะพิสูจน์ ได้จากเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ได้ฟื้นจริง และมูลค่าของ บมจ. ไออาร์พีซีในปัจจุบัน โดยไม่อยากให้ผู้นำประเทศที่ตัดสินใจช่วยประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่กลับต้องมาถูกดำเนินคดีแต่ผู้นำประเทศที่ทำประเทศเสื่อมถอยกลับไม่ได้รับผลจากการกระทำเลย จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้องในปัจจุบันและอนาคต
"อยากให้รัฐบาลได้ดูผลการเลือกตั้งของประเทศมาเลเซีย ที่ฝ่ายค้านนำโดยอดีตนายกฯ มหาเธย์ วัย 92 ปี ชนะการเลือกตั้งอย่างพลิกล็อก ซึ่งเป็นบทเรียนให้เห็นว่าเมื่อไรที่รัฐบาลกระทำสวนความรู้สึกของประชาชนมากๆ ประชาชนจะลงโทษรัฐบาลในการเลือกตั้งได้" คณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี