เปิดตัวรปช.คนดังเพียบ
‘สุเทพ’จัดเต็ม
ตั้ง4คณะลุยงานการเมือง
‘ศรีสุวรรณ’ออกโรง
ถามหาสปิริต‘ดอน’
เสรีหนุนไม่ต้องออก
“กำนันสุเทพ” จัดเต็มเปิดตัวพรรครวมพลังประชาชาติไทย วันอาทิตย์นี้ กระหึ่ม ม.รังสิต ขนคนดังมาเสริมทัพเพียบ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” จ่อนั่งหัวหน้าพรรค พร้อมตั้ง 4 คณะทำงานเดินหน้าลุยการเมืองเต็มสูบ “ศรีสุวรรณ” จี้ “ดอน” แสดงสปิริต ลาออก ไม่ต้องรอศาลรธน. วินิจฉัย เชื่อโลกต้องชมความเป็นสุภาพบุรุษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ นายนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ทนายความของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และคณะ ได้ยื่นหนังสือขอจดแจ้งพรรคการเมืองชื่อ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” (รปช.) พร้อมรายชื่อผู้ก่อตั้ง 32 คน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น
โดยในวันที่ 3 มิถุนายน ทาง รปช. ได้มีการจัดประชุมผู้ก่อตั้งและผู้สนับสนุนของพรรค ที่ศาลาดนตรีสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป
นายธานี เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ฯ ระบุว่า การประชุมดังกล่าว จะเป็นการเปิดตัวผู้ก่อตั้งพรรคและผู้สนับสนุนของพรรคว่าจะมีใครบ้าง โดยเบื้องต้นจะมีตน นายสุเทพ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อธิการวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) และผู้ร่วมก่อตั้งอื่นๆเข้าร่วมด้วย เป็นต้น
ตั้ง4คณะทำงานลุยการเมือง
ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ระบุว่า ในที่ประชุม จะมีการตั้งคณะทำงานชั่วคราวขึ้นมา 4 ชุดเพื่อให้การทำงานของพรรคมีความสมบูรณ์ขึ้น คือ 1.คณะทำงานร่างข้อบังคับพรรคและวินัยของพรรค 2.คณะทำงานดำเนินการจัดตั้งพรรค 3.คณะทำงานดำเนินการยกร่างธรรมนูญพรรคและวินัยของพรรค และ 4.คณะทำงานจัดตั้งสโมสรเยาวชนของพรรค โดยคณะกรรมการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการสื่อสาร ปลูกฝังเยาวชนในการทำงานการเมืองกับเยาวชน
ขณะเดียวกันจะมีการประกาศนโยบายของพรรคด้วย และบอกถึงขั้นตอนการดำเนินการของพรรคจากนี้ว่าจะทำอะไรต่อไปบ้าง อย่างไรก็ตาม หลังจากวันที่ 3 มิ.ย.นี้ พรรคจะระดมสมาชิกทั่วประเทศ เมื่อได้สมาชิกพรรคทั่วประเทศแล้ว จะจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)จำนวน 9 คนและให้กก.บห.เลือกหัวหน้าพรรคและเลขาฯ คาดว่าจะประชุมใหญ่ประมาณต้นเดือนกันยายนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ได้เตรียมที่จะลาออกจากคณะทำงานด้านการเมือง 3 คณะ ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ประธานกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ ของ กกต. กรรมการและที่ปรึกษาในคณะเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ของ ปยป. โดยให้เหตุผลว่าจะมาทำงานการเมืองเต็มตัว และเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อีกทั้ง นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ก็ได้ลาออกจาก อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยคาดกันว่า จะไปมีบทบาทในพรรค รปช. ด้วย
จี้”ดอน”แสดงสปิริต
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักศ์รัฐธรรมนูญไทย
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอเรียกร้องให้ รมว.ต่างประเทศแสดงสปิริตลาออก กรณีไม่ปฏิบัติตามรธน. โดยแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้มีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าการถือครองหุ้นของภรรยานายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 ที่บัญญัติไม่ให้รัฐมนตรีถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือในกรณีประสงค์จะได้รับประโยชน์จากหุ้นที่ถือครอง ให้แจ้งประธานกรรมการ ป.ป.ช.ทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งและให้โอนหุ้น จนอาจเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 แต่ทว่าคู่สมรสนายดอนถือครองหุ้นในธุรกิจอยู่เกินกว่าร้อยละ 5 และไม่มีการแจ้งต่อคณะกรรมการ
ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแล้วนายดอน จึงไม่ควรรั้งรอให้ กกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่ควรแสดงสปิริต หรือความเป็นสุภาพบุรุษของคนกระทรวงการต่างประเทศที่ยึดถือกันมาด้วยดีทุกยุคทุกสมัย โดยการลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศเสีย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการแส้ซ้องสรรเสริญจากคนทั้งประเทศและทั้งโลก ว่าเป็นผู้มีสปิริตสูงส่งกว่านักการเมืองบางคนในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ที่มีปัญหาถูกร้องเรียน แต่ก็ยังหน้าทนอยู่ต่อ และจะเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชนคนรุ่นหลังในอนาคต
“เสรี”บอก”ดอน”ต้องอยู่ต่อ
ประเด็นดังกล่าว นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่าเรื่องนี้จะอาศัยสปิริตอย่างเดียวไม่ได้ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ถึงที่สุด และก็ยังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยไม่ผิดก็ได้ เพราะ รธน.มาตรา 263 วรรค 4 ยกเว้นไว้ว่า “บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ห้ามมิให้บุคคลดํารงตําแหน่งทางการเมือง มิให้นํามาใช้บังคับแก่ การดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีตามมาตรา 264” ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เป็นยุติ ตาม รธน.มาตรา 82 วรรคสอง ประกอบมาตรา 170 วรรคสาม ซึ่งหากแสดงสปิริตลาออกจากรัฐมนตรีก่อน ก็จะเป็นปัญหาต่อไปว่าการที่ได้กระทำไปแล้วจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จะกลายเป็นปัญหาหนักเข้าไปอีก หาก กกต.เห็นว่าผิดก็ควรต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะเป็นการดีที่สุด
บอกต้องเท่าเทียมกัน
ในประเด็ดเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าจะเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมามีแบบอย่างที่เป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว และยิ่งรัฐบาลมาในลักษณะไม่ปกติรัฐมนตรีในรัฐบาลก็ต้องยิ่งทำตัวให้สังคมเห็นว่า มีความผิดแผกไปจากนักการเมืองทั่วไป ดังนั้น เมื่อมีมติออกมาเช่นนี้ เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่จะรอทำไม ควรให้เกียรติและให้โอกาสนายกรัฐมนตรี ในการที่จะปรับปรุงเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ดีกว่า
นายสมศักดิ์ ยังกล่าว กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลคาดเสนอพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับคือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ขึ้นทูลเกล้าฯได้ในเดือนมิ.ย. ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะต้องไม่ลืมว่าวันนี้สังคมไทยกี่โพลก็ ออกมาเหมือนกันหมดว่าประชาชนอยากได้อำนาจของเขากลับคืนมาแล้ว อยากเห็นกระบวนการเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยดังนั้นหากไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรค ภาระหน้าที่ของคสช. และรัฐบาลก็คือ เร่งดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ป ให้เร็วที่สุด นั่นจะเป็นการตอบคำถามและแสดงเกียรติยศของนายกรัฐมนตรีอย่างดีที่สุดด้วย อย่าให้นายกรัฐมนตรีต้องหน้าแตกซ้ำสองซ้ำสามเลย
บอกไม่มีเหตุผลที่จะยื้ออีก
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองก็ได้ประกาศใช้แล้วแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงยังพยายามเหนี่ยวรั้ง ให้เงื่อนเวลา สร้างปัญหาอยู่ตลอด ดังนั้นหากปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏหมายพรรคการเมือง ก็จะไม่มีใครมาต่อว่าคสช. หรือรัฐบาลได้เลยว่าให้โอกาสพรรคการเมืองใหม่มากกว่าพรรคการเมืองเก่า แน่นอนที่สุด คือจะต้องให้การปฏิบัติเท่าเทียมทุกพรรคการเมืองเสมอเหมือนกันไม่ใช่เฉพาะพรรคการเมืองที่สนับสนุนพวกคุณเท่านั้น ขอเพียงแต่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกติกาและกฎหมายที่พวกคุณเป็นคนกำหนดขึ้นเองเถิด แต่อย่ามาบอกว่า กฏหมายพรรคการเมืองประกาศใช้แล้วแต่ยังทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้ คสช. ก็จะกลายเป็นจำเลยของนักการเมือง อยู่ตลอดเพราะพวกเขาจะมอง ด้วยสายตาที่หวาดระแวง สายตาที่ขาดความเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว คุณจะคืนอำนาจหรือให้ความเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เพราะวันนี้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังอยู่ที่คสช. ถึงแม้ว่าจะเลือกตั้งเสร็จแล้วประชาชนตัดสินใจเสร็จแล้ว ก็ยังขาดความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะยุติธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี