สงครามน้ำลาย"ศิริโชค-เฉลิม" โรงพักร้าง ใครโกงหายนะ

สงครามน้ำลาย"ศิริโชค-เฉลิม" โรงพักร้าง ใครโกงหายนะ

วันพฤหัสบดี ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556, 14.31 น.
Tag :

14ก.พ.56 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามสด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กรณีการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง และอาคารที่พักข้าราชการตำรวจ (แฟลตตำรวจ)โดยนายศิริโชคได้ถาม ร.ต.อ.เฉลิมเป็นคำถามแรกว่า เหตุการณ์การก่อสร้างโรงพักดังกล่าว มีการนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง โดยครั้งแรกมีการโจมตีว่า มีการฮั้วประมูลอย่างแน่นอน เพราะมีการแก้ทีโออาร์ จากการประมูลส่วนกลางรายภาค มาประกวดส่วนกลาง รวมภาค ซึ่งแปลกใจว่า ถ้าเปรียบเทียบกับเค้กแล้ว ถ้าแบ่งเป็น 9 ชิ้น จะมีการฮั้วกันง่ายกว่า แต่มีชิ้นเดียว ก็ต้องมีการแข่งขัน กัน ซี่งถ้าพีซีซี ฮั้วแล้ว ก็คงเป็นการฮั้วๆ แบบโง่ ไปประมูลต่ำกว่าราคากลาง540 ล้านบาท นั่นหมายความว่าไม่มีการฮั้ว

หลังจากนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กลับพลิกข้อกล่าวหาว่า บริษัทดังกล่าว ไม่เคยรับงานโครงการใหญ่ๆ ซึ่งค้านกับข้อมูลที่ได้ไปค้นว่า บริษัท พีซีซี เคยรับงานเป็นจำนวนหมื่นล้านบาท ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ไม่ใช่ประมูลงานนี้งานเดียว ซขอถาม ร.ต.อ.เฉลิมว่า ตกลงแล้ว โครงการดังกล่าว ตกลงมีการฮั้วประมูลใช่หรือไม่ ตกลงบริษัทที่ชนะการประมูลดังกล่าวมีผลงานการก่อสร้างขนาดใหญ่ไหม และบริษัทเดียวกันนี้สามารถทำโครงการนี้ได้ทั่วประเทศหรือไม่


ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า ที่นายศิริโชคถามมานั้น ถือเป็นเป็นเรื่องดี ขอสาบานว่า ถ้าตนเองข้องเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการนี้ขอให้เกิดหายนะ และพรรคเพื่อไทยที่สังกัดอยู่ก็ขอให้หายนะ ขอยืนยันว่า โครงการนี้ มีการโกง ชัดเจน เพราะสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สั่งให้ทำโครงการดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552 มีการระบุให้ประมูลรายภาค ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แต่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน2552 นายสุเทพกลับมีคำสั่ง ให้เปลี่ยนนโยบายเอง นอกจากนี้ ตนเองได้ไปถ่ายที่ตั้งของบริษัทดังกล่าว พบว่าที่ตั้งบริษัทเป็นที่อยู่ของพ่อตานักการเมืองรายหนึ่ง ทำให้เชื่อว่า โครงการนี้มีการฮั้วแน่นอน เพราะตอนแรกบริษัทพีซีซีได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อนายสุเทพ โดยระบุว่า จะมีการฮั้วกัน แต่ภายหลังที่มีคำสั่งให้ประมูลเพียงครั้งเดียว ปรากฏว่าบริษัทพีซีซีได้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าว

ต่อมา นายศิริโชค ตั้งคำถามว่า ร.ต.อ.เฉลิมและนายธาริตได้ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว ดังนั้น จึงอยากทราบว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เกี่ยวข้องหรือไม่ หลังจากที่มีหลักฐานเอกสารที่ปรากฏว่า พล.ต.อ. พงศพัศ เป็นคนเสนอคนชอบโครงการนี้เองเมื่อวันที่ 30  กันยายน 2553 แต่พอเป็นสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำไม พล.ต.อ.พงศพัศ นิ่งเฉยกับเอกสารดังกล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า โครงดังกล่าวมีการดำเนินการสองท่อน คือ ในท่อนของทีโออาร์ ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ ได้มีการอนุมัติแล้ว แต่ปรากฏว่า มีนักการเมืองชั่วๆ บังคับให้ฝ่ายตำรวจ ให้เอาเพียงรายเดียว ซึ่งตอนแรกบริษัทพีซีซีที่ไม่ได้งานนั้น เพราะเนื่องจากยังตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้ ซึ่งพอมีการอนุมัติรายเดียวแล้ว บริษัทดังกล่าวได้งานไปทำข

อยืนยันว่า พล.ต.อ. พงศพัศเกี่ยวข้องในรอบแรก ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ. พงศพัศ แต่นายศิริโชค กลับเอาเรื่องอื่นมาพูดแทน พล.ต.ท. พงศพัศ (ยศขณะนั้น) เป็นประธานทีโออาร์ สมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร. แต่ในสมัย พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการผบ.ตร.กลับยืนยันเสนอให้ประมูลเพียงรายเดียว เพราะฉะนั้น นายศิริโชคอย่านำเรื่องดังกล่าวมาทำลายพล.ต.อ.พงศพัศ ในสภา เพราะกระทบเลือกตั้งผู้ว่า ฯ กทม.

“ที่คุณพงศพัศเกี่ยวข้องนั้น มันเกี่ยวสองส่วน ไม่ใช่ส่วนเดียว ท่านมาเอาตอนท้ายตนเสนอรายภาคเนี้ย เขาไม่ได้เป็นประธานพิจารณา งานธุรการกับงานนโยบายมันคนละเรื่อง เพราะท่านไม่เคยรับราชการไง”

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ได้เสนอว่า ให้มีการประมูลที่ส่วนกลาง โดยแยกเป็นรายภาค 1-9 ซึ่งตรงนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ต้องรับผิดชอบ สมัยที่อนุมัติตอนแรกนั้น ยังไม่มี สำนักงานส่งกำลังบำรุง(สกบ.) ตอนหลังไม่ทราบว่าใครไปบีบให้ พล.ต.อ.ปทีบ เซ็นรายเดียว ซึ่งอาจจะส่อผิดตามมาตรา 10  ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ “พ.ร.บ.ฮั้ว” ซึ่งตอนนี้ พล.ต.อ.พงศพัศไม่เกี่ยว ข้องแล้ว พอเป็นบริษัทรายเดียวนั้นทำให้งานไม่กระจาย เป็นต้นเหตุที่งานไม่เสร็จจนเกิดปัญหาในเวลานี้ ซึ่งใครคดโกงไม่ทราบ แต่ขอสาปแช่งคนโกงในโครงการดังกล่าวให้หายนะ

สุดท้าย นายศิริโชคได้ถามว่า ถ้าการประกวดไม่ชอบแล้ว พล.ต.อ. พงศพัศ ไปลงนามทำไม เพราะมีกลั่นกรองเอกสารลงนามให้ความเห็นชอบ ไม่ใช่ผ่านตามรูปแบบปกติ เข้าใจว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยากจะทำให้ พล.ต.อ.พงศพัศชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ ถ้า พล.ต.อ. พงศพัศ ไม่เสนอ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะ อดีต ผบ.ตร. จะกล้าเซ็นอนุมัติไหม แปลกใจว่า รัฐบาลนี้บริหารสัญญาดังกล่าวกว่า 500วัน ถ้ารู้ว่ามีปัญหาทำไมไม่ยกเลิก แล้วมีการต่อสัญญาออกไปอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ซี่งมีเอกสารหลักฐานทั้งหมด จึงอยากถามว่า การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดือดร้อนนั้น แต่ ร.ต.อ.เฉลิมกลับมีการบิดเบือนเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะสุดท้ายแล้ว เหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากการบริหารสัญญาที่ผิดพลาด และ สตช. เป็นผู้เกี่ยวข้องในการบริหารสัญญา ซึ่งสุดท้ายแล้วคนที่น่าเห็นใจที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรณีนี้

ร.ต.อ. เฉลิม ตอบคำถามว่า นายศิริโชค จะเอาสองเรื่องมาปนเป็นเรื่องเดียวไม่ได้ เพราะในครั้งแรกที่ พล.ต.อ. พงศพัศ เป็นประธานทีโออาร์นั้น นั้นเป็นการดำเนินการประมูลแบบรายภาค แต่ที่ยุ่งเพราะมีการเมืองเข้ามามีคำสั่งให้เปลี่ยนใหม่ ปัญหามันเกิดตรงนี้ ไม่ใช่เกิดที่จากจุดอื่น ซึ่งมีการโกงกันตรงนี้ ซึ่งในตอนหลังประธานทีโออาร์ที่มีการประมูลแบบครั้งเดียวคือ พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.สกบ. ซึ่งถือว่าเป็นคนละประเด็นกัน แล้วทำไมนายสุเทพถึงลงนาม ซึ่งที่นายศิริโชคถามว่าทำไมไม่ยกเลิก เพราะว่าไม่โง่ สมัยที่ทำสัญญานั้นมีการเกื้อบริษัทดังกล่าว ซึ่งถ้า สตช. มีการยกเลิก ก็จะกลายเป็นจำเลยทันที

“ผมจะแจ้งจับบริษัทดังกล่าว ฐานฉ้อโกง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งในสัญญาที่นายอภิสิทธ์ทำแบบนี้ ถ้าเกิดเหตุล่าช้าตรงไหนก็ได้อานิสงส์ในการต่อสัญญาทั้งหมด ซึ่งก่อนที่จะถามก็ขอให้นายศิริโชคศึกษาก่อนด้วย ซึ่งสัญญาในการก่อสร้างดังกล่าวเหลืออีกเดือนเดียว จากนั้นก็จะไปแจ้งตำรวจในข้อหาฐานฉ้อโกง ถ้าผมงมีส่วนโกงก็ขอให้ไปนายศิริโชคไปแจ้งได้เลย และอยากจะบอกนายศิริโชคว่า เรื่องนี้ไม่มีใครแกล้งใคร แต่กรรมมันตามทัน ซึ่งใครคดโกงก็ขอให้หายนะ"

หลังจากนั้น นายศิริโชคได้ใช้สิทธิพาดพิง โดยระบุว่า อยากจะให้ ร.ต.อ.เฉลิมเห็นว่า มันผิดพลาดเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ ที่ไปเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพีซีซี เพราะเมื่อมีการขยายเวลาเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตามมติ ครม. แล้วไปตีความว่าขยายได้ ซึ่งตนเสียดายว่าวันนี้ ตนหลักเอาหลักฐานมาให้คนในสภาเห็นจะจะ แต่ร.ต.อ.เฉลิมมาเล่นโวหาร โดยไม่ยอมชี้แจงข้อเท็จจริง

ร.ต.อ.เฉลิม ก็ได้ลุกขึ้นพูดว่า เรื่องนี้ผิดตรงที่ จากการประมูลที่เปลี่ยนจากรายภาคมาเป็นครั้งเดียว ซึ่งตนเชื่อว่าจะต้องมีคนของฝ่ายการเมืองเข้าคุกแน่นอน
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top