ถกครม.ร่วมชื่นมื่น
ไทย-ลาวคลอด8มติ
พัฒนาความร่วมมือ
ศก.-ความมั่นคง-วธ.
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน จ.เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทองสิง ทำมะวง
นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทั้งสองประเทศ เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-ลาว ครั้งที่ 2 (The2nd Tha -Lao Joint Cabinet Retreat) เพื่อร่วมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในประเด็นสำคัญทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
ภายหลังการประชุม ที่ประชุมมีมติความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ได้แก่ 1.การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยจะร่วมมือตรวจตราสอดส่องและป้องกันการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่ออีกประเทศ หากพบเบาะแส หน่วยงานความมั่นคงจะแจ้งและประสานงานอย่างรวดเร็ว โดยไทยยืนยันนโยบายไม่ให้บุคคลใดใช้ประเทศไทยเป็นที่พักพิง หรือวางแผนก่อความไม่สงบหรือต่อต้านรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน
2.ความร่วมมือสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเร่งสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้เสร็จ 3.การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยจะยกระดับความร่วมมือในการป้องกันปัญหายาเสพติด ปราบปรามและนำส่งผู้กระทำความผิดและผู้หลบหนีการจับกุมลงโทษคดียาเสพติด โดยใช้ช่องทางติดต่อที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสั่งการได้รวดเร็ว
4.ความร่วมมือด้านแรงงานและการป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือป้องกันและปราบปรามการล่อลวงเด็กและสตรีเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ โดยฝ่ายไทยพร้อมแก้ปัญหาแรงงานลาวผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย และพร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องการนำเข้าแรงงานลาวที่ถูกกฎหมายตามบันทึกความเข้าใจด้านการจ้างแรงงานไทย-ลาว โดยครม.ไทยมีมติขยายเวลาดำเนินการของศูนย์ One Stop Service เพื่อให้การพิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวไปอีก 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายนเป็นต้นมา
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ครม.ทั้งสองประเทศแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า ได้แก่ 5.อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนโดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องการตรวจปล่อยสินค้า ณ จุดเดียว หรือ Single Stop Inspection (SSI) และปรับปรุงพื้นที่จุดผ่านแดนและเส้นทางคมนาคมที่ต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าในการเดินทางผ่านแดนและความแออัดของการสัญจรบริเวณจุดผ่านแดนสำคัญ 6.การส่งเสริมการค้าไทย-ลาว ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อช่วยสร้างรายได้ของประชาชน สปป.ลาว และเพื่อประโยชน์ร่วมกันของไทยและลาว 7.การใช้ประโยชน์จากเส้นทางถนนหมายเลข 8 และ 12 เป็นเส้นทางเชื่อมโยงทางโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาค และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนตามแนวเส้นทางทั้งสอง โดยฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมภาคเอกชนไทยให้ไปลงทุนบริเวณเส้นทางดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและฝ่ายลาวจะอำนวยความสะดวกและปรับปรุงการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เส้นทางให้ได้มาตรฐาน ในส่วนของการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการพัฒนาความเชื่อมโยง (Connectivity)ด้านการคมนาคม เพื่อเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาค และระหว่างไทย-ลาว-จีน เช่น การสร้างสะพานเชื่อมต่อทางรถไฟ (หนองคาย- ท่านาแล้ง) เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมโยงกับทางรถไฟความเร็วสูงกับจีน ตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor)
การประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว 2 แห่ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. ได้แก่ จุดผ่านแดนภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ โดยในส่วนของฝ่ายลาวจะยกระดับด่านท้องถิ่นบ้านผาแก้ว เมืองปากลายแขวงไซยะบุรี เป็นด่านสากล เมื่อการก่อสร้างเส้นทางบ้านผาแก้ว-ปากลายแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2557 และจุดผ่านแดนบ้านสบรวก จ.เชียงราย ซึ่งฝ่ายลาวได้เปิดด่านสากลสามเหลี่ยมทองคำ แขวงบ่อแก้วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้หารือในด้านการท่องเที่ยว โดยฝ่ายไทยสนับสนุน
8.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไปมาระหว่างไทยและลาว รวมทั้งสนับสนุนการใช้ ACMECS Single Visa (ASV) เพื่อเป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ในภูมิภาคและอาเซียน ซึ่งไทยและกัมพูชาเริ่มโครงการนำร่องก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังร่วมกันพิจารณาการลงนามเอกสาร 3 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ 2 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-ลาว และความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การนำใช้ การบริหารและการบูรณะรักษาสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี