24 พ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Chuchart Srisaeng เกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่163 ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าวาระการประชุมสัมยสามัญต่อจาก ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะประเด็นบทบัญญัติในมาตรา 4 บัญญัติว่า
บรรดาการกล่าวหาการกระทำความผิดบุคคลใดๆ ฯลฯ ที่เกิดจากคณะบุคคลซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ ไม่ว่าเป็นการกล่าวหาในข้อหาใด ให้ถือว่าเป็นการกล่าวหาในความผิดทางการเมือง และให้การกล่าวหาการกระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
ดังนั้นการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอ้างว่า ไม่คืนเงิน 46,000 ล้านบาทให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาศาล จึงเป็นการกล่าวโกหกประชาชนผู้เสียภาษีทุกคน เพราะถ้าร่าง พ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย กระทรวงการคลังก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคือต้องเอาเงินงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นเงินที่เก็บภาษีไปจากคนไทยทุกคนรวมทั้งคนเสื้อแดงด้วยคืนแก่พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 46,000 ล้านบาท แน่นอน
“ขืนไม่กระทำเช่นนั้น ก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษจำคุกหนึ่งปีถึงสิบปี เมื่อถึงเวลานั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย 163 คนดังกล่าวก็จะออกมาตีหน้าตายหลอกประชาชนต่อไปอีกว่า เมื่อรัฐสภาผ่านกฎหมายออกมาเช่นไรก็ต้องเป็นเช่นนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย”
ข้อความที่นายชูชาติโพสต์ลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว
...ส.ส.พรรคเพื่อไทย 163 คนยื่น ร่าง พรบ ปรองดองแห่งชาติ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยยืนยันว่าไม่คืนเงินให้ทักษิณ
....ร่าง พรบ ปรองดองแห่งชาติ มาตรา 4 บัญญัติว่า บรรดาการกล่าวหาการกระทำความผิดบุคคลใด ๆ ฯลฯ ที่เกิดจากคณะบุคคลซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ ไม่ว่าเป็นการกล่าวหาในข้อหาใด ให้ถือว่าเป็นการกล่าวหาในความผิดทางการเมือง และให้การกล่าวหาการกระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
....กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ผู้ที่ถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือ คตส ไม่ว่าเป็นการกล่าวหาในข้อหาใด ให้การกล่าวหาการกระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด และตามมาตรา 3 วรรค 2 ก็บัญญัติว่า ถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นรับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุด
....ดังนั้นถ้าร่าง พรบ ปรองดองแห่งชาติ มีผลใช้บังคับ คดีที่ทักษิณที่ถูกกล่าวหาจาก คตส ทุกคดี รวมทั้งคดีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ได้ทรัพย์สินมาโดยมิชอบที่ทักษิณถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและถูกศาลมีคำพิพากษาให้ริบเงินจำนวน 46,000 ล้านบาท ก็เป็นระงับไปโดยให้ถือว่า ทักษิณไม่เคยกระทำความผิดไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิด และการถูกลงโทษให้ริบทรัพย์สินก็ต้องสิ้นสุด
....เมื่อทักษิณกลายเป็นคนที่ไม่เคยกระทำความผิด ไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด และการถูกลงโทษให้ริบทรัพย์สินก็ต้องสิ้นสุด ก็ย่อมหมายความว่าไม่มีคำพิพากษาของศาลให้ริบเงินจำนวน 46,000 ล้านบาท เมื่อไม่มีคำพิพากษาก็ริบเงินไม่ได้ เงินจำนวนดังกล่าวก็ต้องคืนให้แก่ทักษิณ
....ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอ้างว่า ไม่คืนเงิน 46,000 ล้านบาทให้แก่ทักษิณ จึงเป็นการกล่าวโกหกประชาชนผู้เสียภาษีทุกคน เพราะถ้าร่าง พรบ ปรองดองแห่งชาติ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย กระทรวงการคลังก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคือต้องเอาเงินงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นเงินที่เก็บภาษีไปจากคนไทยทุกคนรวมทั้งคนเสื้อแดงด้วยคืนแก่ทักษิณจำนวน 46,000 ล้านบาท แน่นอนครับ ขืนไม่กระทำเช่นนั้นก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษจำคุกหนึ่งปีถึงสิบปี
....เมื่อถึงเวลานั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย 163 คนดังกล่าวก็จะออกมาตีหน้าตายหลอกประชาชนต่อไปอีกว่า เมื่อรัฐสภาผ่านกฎหมายออกมาเช่นไรก็ต้องเป็นเช่นนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี